คุยเรื่องหุ้น กับหมู-ไก่ รับอานิสงส์ต้นทุนลด-ราคาขายเพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะมีวิกฤติอะไรก็ตามเกิดขึ้นทั่วโลก แต่อาหารก็ยังเป็นปัจจัยหลักที่สิ่งมีชีวิตไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งปัจจุบันก็เห็นได้ชัดเจนแล้ว จากการเกิดวิกฤติ COVID-19 ทำให้ความต้องการของสินค้าประเภทอาหาร ปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างเช่น หมู ไก่ เป็ด ที่ราคาขายเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดวันนี้ก็เข้าสู่เทศกาลวันสารทจีน ที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้ด้วย ซึ่งการเซ่นไหว้นั้น ส่วนใหญ่ก็เป็น หมู ไก่ เป็ด เป็นต้น แต่บางครั้งยุคปัจจุบันก็จะมีอาหารประเภทอื่นๆเข้ามาเซ่นไหว้ด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่ช่วงเทศกาลดังกล่าว ในแต่ละครั้งราคาขายสินค้าข้างต้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ และเมื่อบวกกับราคาขายที่ปรับตัวสูงในช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าผลประโยชน์ก็ย่อมตกไปอยู่ที่ผู้ประกอบการ วันนี้เราได้รวบรวมหุ้นที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าประเภทดังกล่าวมาฝากนักลงทุนแล้ว
เริ่มจาก CPF นักวิเคราะห์ต่างมองเสียงเดียวกันว่าช่วงไตรมาส 3/63 ผลประกอบการจะเติบโตอย่างโดดเด่น เป็นเพราะดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น แถมราคาหมูก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยบริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ประเมินว่า ผลประกอบการจะดีต่อเนื่องในไตรมาส 3/63 เนื่องจากของสถานการณ์ของไข้หวัดหมูที่ยังไม่จบ, การบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ต่ำ ทำให้เราแนะนำให้ “ซื้อ” CPF โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 40 บาท โดยคาดปี 63 จะรายงานกำไรสุทธิ 21,355 ล้านบาท เติบโต 15.70% จากปี 62
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ก็ยังคงคาดไตรมาส 3/63 จะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดเช่นเดียวกัน ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่กำไรหลักยังเติบโตในระดับสูงจากราคาหมูไทยที่ฟื้นตัวและราคาหมูเวียดนามที่ยืนในระดับสูง และราคาเนื้อสัตว์ทุกประเทศที่ฟื้นตัวจากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากคลายล็อกดาวน์ เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 38 บาท
ตามด้วย TFG ไตรมาส 3/63 จะมีโอกาสเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ด้วยเหตุผลเดียวกันคือ ราคาหมูและไก่ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/63 ของ TFG คาดจะเติบโต ไตรมาสก่อน จากราคาหมูและไก่ในประเทศที่ฟื้นตัว ขณะที่เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อาจทรงตัวเพราะมีฐานที่สูงในไตรมาส 3/62 จึงคาดเบื้องต้นที่ราว 550 – 600 ล้านบาท และเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ก่อนที่จะอ่อนตัวลงในไตรมาส 4/63 ตามผลของฤดูกาล
โดยกำไรครึ่งปีแรกของปี 63 คิดเป็นสัดส่วน 54% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปีของเรา ซึ่งโดยปกติกำไรครึ่งปีแรก และครึ่งปีหลัง ของ TFG ไม่แตกต่างกันมากนัก จึงยังคงประมาณการกำไรปกติปี 63 ที่ 1,594 ล้านบาท (+7.7% YoY) และปี 2564 ที่ 1,865 ล้านบาท (+17.0% YoY) และคงราคาเป้าหมายกลางปี 2564 ที่ 5.25 บาท มี Upside gain 11% คงคำแนะนำ TRADING เชิงกลยุทธ์ราคาที่พักตัวมาระยะหนึ่งแล้ว นักลงทุนอาจพิจารณาซื้อเก็งกำไรจากผลประกอบการที่ออกมาเป็นบวก และแนวโน้มไตรมาส 3/63 ยังเติบโตต่อ
ต่อมา GFPT เทรนด์การเติบโตก็ยังโดดเด่นไม่แพ้ทั้ง 2 หลักทรัพย์ดังกล่าว ตามการฟื้นตัวของราคาไก่ที่ยังทรงตัวระดับสูง โดยบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า(ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า ช่วงไตรมาส 3/63 จะเติบโตสูง จากไตรมาส 2/63 โดย ราคาไก่มีชีวิตปัจจุบันอยู่ที่ 34 บาท/ก.ก. ฟื้นตัวราว 14.5% จากไตรมาส 2/63 และเพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
เป็นผลมาจากการคลาย Lockdown รวมถึงปริมาณขายในประเทศคาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากไตรมาส 2/63 เช่นกันจากการกลับมาเปิดให้บริการของร้านอาหารและโรงแรม แต่อาจจะยังลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ GPM คาดยังรักษาระดับ 14% ขึ้นไปได้ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามราคาลูกไก่มีการปรับตัวลงบ้างตามภาวะตลาดที่มีการเพาะเลี้ยงลูกไก่มากขึ้นหลังในช่วงเดือน ก.ค. ราคาขึ้นไปสูงราว 12.50 บาท/ตัว ทำให้มี Supply ออกสู่ตลาดมากขึ้น กดดันราคาอ่อนตัวลงปัจจุบันอยู่ที่ราว 8.50บาท/ตัว แต่รายได้ส่วนนี้อยู่ที่เพียงราว 3% (แบบบวกลบ) ของรายได้ทั้งหมด
ด้านราคาโครงไก่ยังทรงตัวสูงที่ราว 14 บาท/ก.ก. เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ GFN คาดฟื้นตัวแรง จากไตรมาสก่อนเช่นกัน อีกทั้งได้ Sentiment หนุนจากการอ่อนค่าของเงินบาท เบื้องต้นเราคาดกำไรปกติไตรมาส 3/63 ของ GFPT ที่ราว 300 – 320 ล้านบาท เติบโต 26 – 35% จากไตรมาสก่อน แต่ยังลดลง 18 – 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ผลงานจะกลับมาเด่นใน 2Q64 เป็นต้นไป
กำลังการผลิตใหม่ของ GFPT จะทยอยติดตั้งและทำการทดสอบแล้วเสร็จตั้งแต่ไตรมาส 1/64 เป็นต้นไป โดยในไตรมาส 1/64 จะเป็นเครื่องจักรสายการผลิตอาหารปรุงสุก (Further) จำนวน 2 สายการผลิตที่ถูกไฟไหม้ไป และไตรมาส 2/64 จะเป็นการติดตั้งสายการผลิตอีก 3 สายการผลิตที่เป็นการทดแทนเครื่องจักรเดิมที่ถูกใช้งานมานาน ทำให้กำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ตัน/เดือน เป็น 3,000 ตัน/เดือน ซึ่งจะทำให้เริ่มเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป
ขณะที่จะเด่นมากในช่วงครึ่งหลังปี 64 หากสถานการณ์ราคาไก่ในประเทศยังไม่ต่ำกว่า 34 บาท/ก.ก. และไม่มีการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 นอกจากนี้เราเชื่อว่าตลาดส่งออกไก่ของไทยจะมีการเติบโตสูงในปี 2564 เนื่องจากการระบาดอย่างหนักของ COVID-19 ในบราซิล ทำให้ตลาดเอเชียและยุโรปมีความต้องการความมั่นคงทางด้านอาหารมากขึ้น
ทยอยสะสม เพราะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
เรามองว่าผลประกอบการของ GFPT ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 และทยอยฟื้นตัวดีขึ้นตามราคาไก่ และการบริโภคที่ฟื้นตัว ขณะที่กำลังการผลิตใหม่จะหนุน Upside ต่อประมาณการปี 2564 เนื่องจากเรายังไม่รวมในประมาณการ เรายังคงประมารการกำไรปกติปี 2563 ไว้ที่ 986 ล้านบาท (-21.5% YoY) และปีและ 2564 ที่ 1,224 ล้านบาท (+24.2% YoY) โดยปรับไปใช้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2564 อิง PER ที่ 16 เท่า ได้ราคาเป้าหมายที่ 15.60 บาท ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ จากเดิม TRADING
สุดท้าย BR ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีบทวิเคราะห์ แต่เมื่อเข้าไปดูผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกของปี 63 พบว่า มีผลขาดทุนสูงถึง 150.09 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ระดับ 14 ล้านบาท โดยไตรมาส 2 ขาดทุนสูงถึง 128.58 ล้านบาท หลังจากยอดขายส่งออกลดลง เพราะลูกค้าต้องปิดทำการชั่วคราว ประกอบกับท่าเรือก็ได้ยุติดำเนินการชั่วคราวด้วยเช่นกัน ส่วนความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน สิ้นสุดวันที่ 31 ส.ค. 63 ปรับลดลง 23.58% โดยปิดการซื้อขายของวันดังกล่าวที่ 1.88 บาท
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุว่า รายงาน ENSO ล่าสุดมีการปรับโอกาสการเกิด La Niña ในเดือน ก.ย. ไปจนถึง ก.พ. ปีหน้า ขึ้นจาก 50-55% เป็น 55-60% ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะความแห้งแล้งในอาร์เจนติน่าและตอนใต้ของบราซิล และจะกระทบต่อผลผลิตของถั่วเหลือง ในงวดการปลูกเดือน พ.ย. 2020-พ.ค. 2021
ในด้านของราคาหมูในประเทศยังไม่ได้รับผลกระทบจากฝนที่ตก (ปกติจะกระทบ) โดยยังคงยืนในระดับสูงที่ 80 บาท/กก. ได้ หนุนโดยการระบาดของ ASF ในต่างประเทศและอุปสงค์ที่ฟื้นตัวหลังปิดเมือง เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ TVO TFG และ CPF
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก