TAN มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจใหม่

TAN มีปัจจัยหนุนจากการเติบโตของธุรกิจใหม่

มุมมองของเรา เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ TAN แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนของไทยจะอ่อนแอลงสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยก็ตาม และเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปี 2567 TAN ได้ริเริ่มทำธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งรวมถึง

1) ร้านอาหาร Gordan Ramsay

2)JV ในฮ่องกง

3) แบรนด์แฟชั่นใหม่

ขณะเดียวกัน สำหรับธุรกิจร้านอาหาร TAN ตั้งเป้าว่าจะสร้างรายได้เฉลี่ยประมาณ 6 ลบ.ต่อเดือน เราคาดว่า NPM จะอยู่ในช่วงตัวเลขหลักเดียวระดับกลาง ในส่วนของ JV ในฮ่องกง TAN คาดว่าจะสร้างรายได้ราว 40 ล้านหยวน หรือ 200 ลบ. ในปีแรก ขณะที่ GPM ของแบรนด์ HARNN ซึ่งถูกขายจาก JV คาดว่าจะอยู่ที่ 52% เนื่องจากต้องแบ่งกำไรให้ผู้จัดจำหน่าย แต่ผู้ช่วยจัดจำหน่วยจะช่วยเพิ่มปริมาณการขายจะเพิ่มมากขึ้น

ประการสุดท้าย ผู้บริหารระบุว่า GANNI แบรนด์แฟชั่นใหม่น่าจะสร้างรายได้เพิ่มเติมจำนวน 72 ลบ.ในปี 2567 เนื่องจากแบรนด์ดังกล่าวมีลูกค้าอยู่ในประเทศไทยแล้ว นอกจาก GANNI แล้ว มีโอกาสสูงที่ TAN จะเปิดตัวแบรนด์ใหม่อีกแบรนด์ภายในปี 2024 โดยรวมแล้ว แม้ว่าผลการดำเนินงานที่อ่อนแอจากธุรกิจที่มีอยู่ของ TAN จากสภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่เราเชื่อว่าการเติบโตเพิ่มเติมจากธุรกิจใหม่จะช่วยชดเชยผลกระทบในปี 2567 ได้

ปรับประมาณการกำไร เราลดประมาณการกำไรปกติปี 2566-67 ลง 3.1%/3.2% และคงประมาณการปี 2568 ตามเดิม โดยในปี 2566 การปรับสมมติฐานมีสาเหตุมาจากกำไรปกติไตรมาส 4/2566 ที่คาดว่าจะลดลงเป็น 70 ลบ. เทียบกับก่อนหน้านี้ที่ 76 ลบ. ขณะที่ในปี 2567

เราลดประมาณการรายได้จากธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งรวมถึง Pandora Marimekko Cath Kidston และ HARNN ลงประมาณ 6% เพื่อสะท้อนการบริโภคภาคเอกชนที่อ่อนแอลงสำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย ซึ่งทำให้ SSS อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม เราคาดว่ายอดขายจากร้านอาหาร GANNI และ Gordon Ramsay จะมีส่วนแบ่งยอดขายรวมเพิ่มขึ้นเป็น 138 ลบ. และ 245 ลบ. ในปี 2567-68 หากมองยอดขายต่อเดือนและต่อร้านค้า สมมติฐานยอดขายของเราต่ำกว่าของผู้บริหารโดยเฉลี่ย 30% ทั้งนี้ เรายังไม่ได้รวมยอดขายจาก JV ในฮ่องกงไว้ในประมาณการของเรา เนื่องจากยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

คงคำแนะนำ “ซื้อ” และ TP ที่ 22.8 บาท จากปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่จากธุรกิจใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นและการบริโภคที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้นในปีหน้า