ห้องเม่าปีกเหล็ก

HOT NEWS

โดย eighteen nineteen
เผยแพร่ :
243 views

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 404.41 จุด รับความหวังเฟดหั่นดอกเบี้ย

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

 

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) ขานรับมุมมองที่ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่คลี่คลายลงหลังจากอิสราเอลและอิหร่านบรรลุข้อตกลงหยุดยิง

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,386.84 จุด เพิ่มขึ้น 404.41 จุด หรือ +0.94%,

 ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,141.02 จุด เพิ่มขึ้น 48.86 จุด หรือ +0.80% 

และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,167.91 จุด เพิ่มขึ้น 194.36 จุด หรือ +0.97%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า GDP หดตัวลง 0.5% ย่ำแย่กว่าการประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าหดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3% โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เนื่องจากผลกระทบจากการชะลอตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภค

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานอย่างต่อเนื่อง เพิ่มขึ้น 37,000 ราย สู่ระดับ 1.97 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564

ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 20% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และให้น้ำหนักกว่า 75% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.

ส่วนการแสดงความเห็นล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟดนั้น โธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า เฟดไม่ควรตัดทางเลือกใด ๆ ออกไปในการพิจารณานโยบายการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงไม่แน่นอน อย่าไรก็ดี เขาไม่คาดว่าภาษีศุลกากรจะทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมากเท่าที่หลายคนกังวล

ขณะที่แมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกกล่าวว่า ผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่ลดน้อยลงอาจเป็นปัจจัยสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในฤดูใบไม้ร่วงนี้ และซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดสาขาบอสตันกล่าวว่า เธอมีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.77% และ 1.50% ตามลำดับ ส่วนหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.64% และ 0.18% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น โดยดัชนี S&P500 Banks Index ปรับตัวขึ้น 1.6% หลังจากเฟดเปิดเผยข้อเสนอการผ่อนคลายกฎระเบียบการสำรองเงินทุนต่อสินทรัพย์ (Supplementary Leverage Ratio - SLR) ที่ธนาคารขนาดใหญ่ต้องสำรองไว้สำหรับสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ซึ่งแนวทางดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะส่งเสริมให้ธนาคารเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ

หุ้นบริษัทเหมืองแร่ดีดตัวขึ้น หลังจากราคาทองแดงทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน โดยหุ้น Freeport-McMoRan และหุ้น Southern Copper พุ่งขึ้น 6.8% และ 7.8% ตามลำดับ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE จะเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนเม.ย.

 


eighteen nineteen