ห้องเม่าปีกเหล็ก

วิเคราะห์ก่อนตลาด VS วิเคราะห์หลังตลาด!

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
75 views

วิเคราะห์ก่อนตลาดในระยะสั้น :

นักวิแคระฯส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมักจะวิแคระฯทิศทางของตลาดหุ้นเมื่อทราบผลของตลาดหุ้นแล้วหรือเมื่อตลาดหุ้นปิดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่วิแคระฯได้อย่างถูกต้องแม่นยําเพราะเป็นการใช้ข้อมูลในอดีตที่เพึ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆแล้วมาอธิบาย แต่ก็มีนักวิแคระฯอีกส่วนหนึ่งที่พยายามจะเดามั่วทิศทางของตลาดหุ้นในอนาคตในระยะสั้น ผลที่ออกมาส่วนใหญ่ถูกบ้างผิดบ้าง " โดยมีโอกาศถูกและผิด 50:50 เพราะ " ไม่มีการวิเคราะห์วิธีการใดในโลกใบนี้ที่วิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นในระยะสั้นได้ถูกต้องเกิน 50% "

แต่ผู้โพสต์เองใช้หลักการของ " ทรัมป์ปั่นและทุบหุ้น " มาคาดการณ์ทิศทางตลาดหุ้นในระยะสั้น ซึ่งมีโอกาสถูกสูงมากเกิน 90% ดังนี้ คือ :

1) คาดการณ์ตลาดหุ้นขาขึ้นโดยสังเกตุ และติดตามจากการที่ ​" ทรัมป์ปั่นหุ้น " ดังนี้ คือ :

1.1) เมื่อ Down Jones ปรับตัวลงไปทําจุดตํ่าสุดที่ 21,712 จุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 ทรัมป์ก็ได้เชียร์ให้นักลงทุนลงทุนเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น เพราะทรัมป์เห็นว่าหุ้นมีราคาถูกและตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกายังมีอนาคตที่ดี และหลังจากนั้น ทรัมป์ก็เชียร์หุ้นมาตลอดต่างกรรมต่างวาระผ่าน @realDonaldTrump จนกระทั่ง Down Jones ปรับตัวขึ้นไปทําจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 27,398 จุด เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น +26.19% ภายในระยะเวลา 7 เดือน

2) คาดการณ์ตลาดหุ้นขาลงโดยสังเกตุ และติดตามจากการที่ " ทรัมป์ทุบหุ้น " ดังนี้ คือ :

2.1) กรณีที่ 1 : ทรัมป์ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนจํานวน 200,000 ล้าน USD จาก 10% เป็น 25% เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 แล้วมีผลทําให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาจาก 1,679 จุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 มาทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 1,599 จุด เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง ( 1,599 - 1,679 ) / 1,679 x 100 = -4.76% ภายในระยะเวลา 18 วัน

2.2) กรณีที่ 2 : ทรัมป์ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนจํานวน 300,000 ล้าน USD จาก 0% เป็น 10% เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 แล้วมีผลทําให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาจาก 1,699 จุด เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 มาทําจุดตํ่าสุดในรอบนี้ที่ 1,590 จุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 หรือปรับตัวลดลง ( 1,590 - 1,699 ) / 1,699 x 100 = -6.42% ภายในระยะเวลา 14 วัน

วิเคราะห์หลังตลาดในระยะสั้น :

ผู้โพสต์มีความเห็นว่าการวิเคราะห์ตลาดหุ้นหลังตลาดจาก " ข้อมูลการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติ " ก็มีโอกาสถูกมากเกิน 90% เช่นเดียวกัน ดังนี้ คือ :

1) วันที่ 21 มีนาคม ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 ( ขาขึ้น )

1.1) จาก 1,634.00 จุด ถึง 1,679.17 จุด ( +45.17 จุด )

1.2) นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ +5,135 ล้าน บาท

1.3) สาเหตุ : เลือกตั้งทั่วไปของไทย เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ปี พ.ศ 2562, เฟดเปลี่ยนมุมมองจากปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้คือปี พ.ศ 2562 เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ปี พ.ศ 2562  และ Morgan Stanley ประกาศเพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในตลาดเกิดใหม่

2) วันที่ 2 พฤษภาคม ถึงวันที่ 24 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 ( ขาลง )

2.1) จาก 1,679.17 จุดถึง 1,599.10 จุด ( -80.07 จุด )

2.2) นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ -13,630 ล้าน บาท

2.3) สาเหตุ : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนจํานวน 200,000 ล้าน USD จาก 10% เป็น 25% และให้มีผลในวันที่ 10 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562

3) วันที่ 24 พฤษภาคม ถึงวันที่ 11 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 ( ขาขึ้น

3.1) จาก 1,599.10 จุด ถึง 1,748.15 จุด ( +149.05 จุด )

3.2) นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยสุทธิ +80,331 ล้าน บาท

3.3) สาเหตุ : MSCI เพิ่มนํ้าหนักการลงทุนในไทย 76,200 ล้าน บาท ภายในวันที่ 28 พฤษภาคม ปี พ.ศ 2562 และเฟดปรับเปลี่ยนมุมมองจากไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเป็นปรับลดดอกเบี้ยในปี พ.ศ 2562 และในที่สุดก็ลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 ปี จาก 2.50% เป็น 2.25% เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ปี พ.ศ 2562 

4) วันที่ 11 กรกฎาคม ถึงวันที่ 16 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 ( ขาลง

4.1) จาก 1,748.15 จุดโดยทําจุดตํ่าสุดที่ 1,590.55 จุด ( -157.60 จุด ) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562 และปิดที่ 1,631.40 จุด เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ปี พ.ศ 2562

4.2) นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ -40,042 ล้าน บาท

4.3) สาเหตุ : ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีสินค้านําเข้าจากจีนจํานวนที่เหลืออีก 300,000 ล้าน USD จาก 0% เป็น 10% และให้มีผลในวันที่ 1 กันยายน ปี พ.ศ 2562 และต่อมาได้เลื่อนไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม ปี พ.ศ 2562 

การคาดการณ์ทิศทางของตลาดหุ้นในระยะยาวที่ได้ผลเกิน 90% คือ :

การคาดการ์ทิศทางตลาดหุ้นโดยใช้ทิศทางและแนวโน้มของเฟดในระยะยาว โดย :

1) ถ้าแนวโน้มของเฟดเป็นขาขึ้นในระยะยาวแสดงว่าตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น หรือตลาดกระทิงเพราะเงินทุนจะไหลออกจากตลาดตราสารหนี้มายังตลาดหุ้น

2) ในทางกลับกัน ถ้าแนวโน้มของเฟดเป็นขาลงในระยะยาวแสดงว่าตลาดหุ้นเป็นขาลง หรือตลาดหมีเพราะเงินทุนจะไหลออกจากตลาดหุ้นมายังตลาดตราสารหนี้

หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.set.or.th ) 

                 2) โปรดติดตามการ Long และ Short Set 50 Derivatives  ในระยะยาวได้ใน longtunbysak.blogspot.com และ Group Facebook

ที่  https://www.facebook.com/groups/2088093934817836/  


ศักดิ์