ผลประกอบการไตรมาส 2 บริษัทจดทะเบียนไทยไม่ได้แย่นะ
เป็นข้อมุลที่น่าสนใจครับ อยากให้ลองอ่านกัน
----------------------------------------------------------------------
กำไรรวมตลาดหุ้นไทย ไม่แย่นี่หน่า
คอลัมน์ตอบโจทย์ตลาดทุน หนังสือพิมพ์ทันหุ้น โดยประกิต สิริวัฒนเกตุ
สรุปผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 ของบริษัทจดทะเบียนจำนวน 629 บริษัท รวมมีกำไรสุทธิสูงถึง 278,204 ล้านบาท +120.2% YoY +3.3% QoQ ส่งผลให้กำไรในครึ่งแรกของปี 2564 มีกำไรรวมเป็น 542,995 ล้านบาท +128.95% YoY ส่วนบริษัทที่จดทะเบียนใน MAI ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรรวม 2,654 ล้านบาท +265.5% YoY -22% QoQ และกำไรในครึ่งแรกของปี 2564 รวม 5,998 ล้านบาท +268.5% YoY
กลุ่มอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ล้วนมีผลประกอบการฟื้นตัวจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า เช่น เกษตร อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าครัวเรือน สินค้าส่วนบุคคล ธนาคาร การเงิน ปิโตรเคมี เหล็ก วัสดุก่อสร้าง อสังหาฯ รับเหมาฯ พลังงาน โรงพยาบาล ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ภาพรวมผลประกอบการไตรมาส 2 ถือว่าแข็งแกร่ง และเป็นการตุนแต้มต่อไว้ก่อนกว่า 5.4 แสนล้านบาท ทำให้กำไรรวมทั้งปี 2564 มีโอกาสสูงมากที่จะไปถึงเป้าหมายที่ 8.5 แสนล้านบาท แม้ว่ากำไรตลาดในครึ่งปีหลังจะมีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และการ Lockdown แต่จะกดดันเฉพาะในไตรมาส 3 เท่านั้น เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4 เชื่อว่าด้วยวัดซีนที่มีมากขึ้นและการผ่อนคลายมาตรการ Lock Down คาดว่ากำไรตลาดจะฟื้นตัวกลับขึ้นมา โดยรวมกำไรตลาดในครึ่งปีหลังจึงไม่น่าต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท และมีความเป็นไปได้สูงที่อาจทำได้ถึง 3.5 แสนล้านบาท
หากกำไรตลาดในปี 2564 ทำได้ถึงเป้าหมายที่ 8.5 แสนล้านบาท จะคิดเป็น EPS ที่ 74 บาทต่อหุ้น คิดเป็น EPS Growth ที่ 55% ขณะที่ประมาณการกำไรตลาดในปี 2565 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.6 แสนล้านบาทคิดเป็น EPS ที่ 85 บาทต่อหุ้นหรือ EPS Grow 14.8%
ผลประกอบการครึ่งปีแรกที่แข็งแกร่งช่วยแรงกดดันการปรับลดประมาณการกำไรตลาดในปี 2564 ของ Consensus ล่าสุด Bloomberg Consensus เริ่มปรับลดประมาณการ EPS ปี 2564 และ 2565 ลงราวๆ 1% เหลือ 84.6 และ 95.5 บาทต่อหุ้นตามลำดับ (ทั้งนี้ แม้ EPS ของ Bloomberg Consensus จะมีความแตกต่างกับที่ผมประเมิน นั่นเป็นเพราะวิธีการประเมิน Market EPS ที่ไม่เหมือนกัน แม้ตัวเลข EPS จะแตกต่างกันค่อนข้างมาก แต่เมื่อมีการแปลงเป็นกำไรรวม ผลที่ได้จะไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นัก)
อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมกำไรตลาดจะค่อนข้างดี แต่กำไรของบริษัทจดทะเบียนขนาดเล็กใน sSET และ MAI กลับมีผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ทำให้มีความเสี่ยงที่จะถูกทำการปรับลดประมาณการและปรับลดมูลค่าพื้นฐานลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาหุ้นของบรรดาหุ้น Small Cap มีความเสี่ยงที่จะถูกเทขายต่อเนื่อง สวนทางกับการฟื้นตัวของหุ้น Large Cap ใน SET50 ดั่งจะเห็นได้จากการ Outperform ของ SET50 Index เมื่อเทียบกับ sSET และ MAI Index ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ประกิต สิริวัฒนเกตุ
กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด

