แบงก์ชาติถกประเด็น 4 ประเด็นปัญหาเศรษฐกิจไทย

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยในงาน Meet the Press ในวันนี้ ถึงเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ว่า การฟื้นตัวยังไม่เข้มแข็ง มีความเปราะบาง โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวได้ในระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ในไตรมาส 1/66

โดยโจทย์สำคัญของธปท. คือ การทำให้เศรษฐกิจ หรือ การฟื้นตัวเดินไปได้โดยไม่สะดุด โดยมี 4 ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเตรียมพร้อมและรับมือ ดังนี้

  1.สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รวมถึงสายพันธุ์อื่นๆ โดยจะต้องติดตามว่า สายพันธุ์โอไมครอนจะมีความรุนแรงและยืดเยื้อมากน้อยแค่ไหน

  2. อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง โดยบริบทปัจจุบันพบว่า ค่าครองชีพขึ้น แต่รายได้ของประชากรไม่ได้ปรับขึ้นตาม แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน ยังพบว่า เงินเฟ้อเฉลี่ยปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 1.7% โดยยังอยู่ในกรอบเป้าหมายทั้งปีที่วางไว้ที่ 1-3%

  ส่วนสถานการณ์ราคาพลังงาน และราคาเนื้อหมูที่ปรับขึ้นนั้น ยอมรับว่า เป็นการปรับขึ้นแค่บางจุด แต่ในรายการ หรือ ตะกร้าราคาสินค้าบริโภคอื่นๆ ยังไม่กระจายตัว หรือมีการปรับตัวขึ้น ดังนั้นจึงมองว่า โดยรวมเสถียรภาพราคายังดี จากราคาที่ไม่ได้ปรับขึ้นแบบวงกว้าง

3. หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มองว่า การด้อยคุณภาพสินเชื่อมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแน่นอน แต่จะไม่เห็นการเพิ่มแบบก้าวกระโดด หรือ พุ่งขึ้น เนื่องจากมีมาตรการต่างๆ รองรับ เช่น การปรับโครงสร้างหนี้ การแก้ไขหนี้อย่างยั่งยืน ประกอบกับเร็วๆนี้ ธปท. จะออกเกณฑ์ หรือ หลักเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการรวมกิจการ JV AMC ซึ่งจะเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเข้าไปช่วยเหลือหรือแก้ไขลูกหนี้ เพื่อไม่ให้ถูกทอดทิ้ง มีโอกาสฟื้นตัวได้ในอนาคต

4. ความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและตลาดการเงินไทย แต่อย่างไรก็ตามมองว่า ผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยจะมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากสถานะต่างประเทศไทย ค่อยข้างแข็งแกร่ง มีเสถียรภาพ

นอกจากนี้ ผู้ว่าธปท.ได้กล่าวถึงสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ที่กำลังได้รับความนิยม โดยยืนยันว่า ธปท.ไม่สนับสนุนให้เป็นสกุลในการชำระเงิน เนื่องจากมีความผันผวนสูง และสร้างความผันผวน รวมถึงมีโอกาสถูกโจรกรรมข้อมูลได้ อย่างไรก็ตาม หากปล่อยให้แพร่หลายอาจทำให้ระบบการชำระเงินขาดการบูรณาการ ขาดความมีเอกภาพ แต่ในด้านการลงทุนนั้นสามารถดำเนินการ

อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ธปท.ไม่อนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์เข้าไปถือในสินทรัพย์ประเภท Digital Asset แต่หากเป็นบริษัทลูกจะต้องมาขออนุญาตจากธปท.เป็นรายกรณี ยกเว้นในกรณีที่บริษัทลูกมี Regurator อื่น