ห้องเม่าปีกเหล็ก

KEX จากตำนาน ‘ไอพีโอ’ สู่วันปิดฉากในตลาดหุ้นไทย

โดย BeArt
เผยแพร่ :
79 views

KEX จากตำนาน ‘ไอพีโอ’ 4 ปี ! แห่งความหวัง สู่วันปิดฉากในตลาดหุ้นไทย แบบหนังคนละม้วน

 

4 ปีแห่งความผิดหวัง !!ของนักลงทุนใน “หุ้น KEX” แบบหนังคนละม้วนในวันแรกที่เข้าระดมทุน สู่วันที่กำลังปิดตำนวนออกจาก “ตลาดหุ้นไทย”

 

 

หากจะเอ่ยแบบนี้กับ “หุ้น KEX” หรือ บริษัท เคอีเอ็กซ์ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย)  จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการจัดส่งพัสดุด่วน (Express Delivery) เดิมชื่อ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พร้อมทั้งการปรับเปลี่ยนเครื่องหมายการค้า (Rebranding) จากแบรนด์ “Kerry” มาใช้แบรนด์ “KEX” แทนแบรนด์เดิม !!  

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2563 ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่แถบทุกภาคส่วนธุรกิจ “ถูกแชร์แข็ง” กิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก “หยุดชะงัก” แต่มีหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่จัดอยู่ใน “ธุรกิจดาวรุ่ง” ที่มีแนวโน้มการเติบโตระดับสูง ดังนั้น ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่ธุรกิจดังกล่าวจะหาแหล่งเงินระดมทุน เพื่อขยายการเติบโต ตามความเชื่อที่ว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็น “เทรนด์ของโลก” จากพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน.... หันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์  

ดังนั้น เมื่อ 24 ธ.ค. 2563 คือ ฤกษ์ดีของการเปิดตัว “ไอพีโอ” ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อย่างยิ่งใหญ่ ถือเป็นหุ้นไอพีโอแห่งปีตัวหนึ่งที่ “นักลงทุน” ต่างแย้งซื้อตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้ “จองซื้อ” จนหุ้นหมดเกลี้ยงตั้งแต่วันแรก

แล้ววันแรกที่เข้าซื้อขาย (เทรด) ก็ไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง ! สร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดหุ้นไทยค่อนข้างมาก สะท้อนจากราคาเปิดวันแรกที่ 65 บาท กระโดดขึ้น 132% จากราคา IPO ที่ 28 บาท ก่อนจะพุ่งไป “ทำสถิติสูงสุด” (New High) ไว้ที่ 73.00 บาท หรือเพิ่มขึ้น 160% เมื่อเทียบกับราคา IPO จากนั้นราคาปรับลดลงอย่างรวดเร็ว พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขาย “คึกคัก” ในวันนั้น  

แต่แล้วช่วงเวลา “ฮันนีมูน” (honeymoon) ก็ค่อยๆ เสื่อมมนต์ขลัง !! สะท้อนผ่านผลประกอบการ KEX นับตั้งแต่อยู่ในตลาดหุ้นไทย 4 ปี... ผลงานดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง หากย้อน 5 ปีที่ผ่านมา “ผลงาน” ของ KEX ย่ำแย่ลงต่อเนื่องอย่างเห็นได้ชัด

  • ปี 2563 มีรายได้ 19,010.05 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,405.03 ล้านบาท
  • ปี 2564 มีรายได้ 18,972.08 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.92 ล้านบาท
  • ปี 2565 มีรายได้ 17,145.04 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 2,829.84 ล้านบาท
  • ปี 2566 มีรายได้ 11,541.48 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 3,880.64 ล้านบาท
  • ปี 2567 มีรายได้ 9,616.00 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 5,911.32 ล้านบาท

 

ขณะที่ “ราคาหุ้น KEX” ดิ่งลงเช่นกัน ! จากราคาหุ้นเคยขึ้นสู่ระดับสูงสุด 73 บาทในวันแรก ล่าสุดลงไปต่ำกว่า 1 บาท จากกำไรสุทธิ 1,400 ล้านบาท เมื่อปี 2563 กลายเป็นขาดทุนสุทธิ 5,911 ล้านบาท เมื่อปีก่อน เรียกว่าเป็น “หนังคนละม้วน” กับช่วงเข้าตลาดหุ้น ซึ่งมีการโหมประโคมข่าว ปลุกเร้าให้นักลงทุนแห่ “เก็งกำไร” จนตกเป็นเหยื่อของหุ้นตัวนี้ เพราะขาดทุนกันหนัก ติดดอยกันเป็นแถว

และนี่อาจจะเป็น “บทเรียน” สำคัญของนักลงทุนทั้ง “รายใหญ่-รายย่อย” แห่จองซื้อหุ้น KEX หนาแน่ในวันแรกจนกลายเป็นตำนาน... ที่วาดหวังจะเป็น “หุ้นห่านทองคำ” ติดพอร์ตลงทุน แต่ความฝันไม่ใช่ความจริง   

ที่ล่าสุด !! หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ “เบอร์ใหญ่” สุดความหวังของนักลงทุน วันนี้กำลังจะกลายเป็นอดีตหุ้นขวัญใจนักลงทุน สะท้อนผ่านคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) มีมติสำคัญ อนุมัติให้นำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติ “การเพิกถอนหุ้น” ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยสมัครใจ

หลังได้รับหนังสือแสดงเจตนาจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่คือ บริษัท เอสเอฟ อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (SFTH) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ KEX ในสัดส่วน 81.43% (ข้อมูล ณ 7 มี.ค. 2568) โดยมีบริษัทแม่อย่าง SF Express ยักษ์ใหญ่ด้านโลจิสติกส์ของจีน

SFTH ได้เสนอให้ KEX ดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ออกจาก ตลท. โดยสมัครใจ พร้อมทั้งแสดงความประสงค์ที่จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมด (Tender Offer) ของ KEX ในส่วนที่เหลือที่ SFTH ไม่ได้ถือครอง ซึ่งคิดเป็นจำนวน 651,017,806 หุ้น หรือสัดส่วน 18.57% ของหุ้นที่ออกจำหน่ายแล้วทั้งหมด ราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญอยู่ที่ 1.50 บาทต่อหุ้น โดย KEX ระบุว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าราคาสูงสุดที่คำนวณได้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน

อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอซื้อสุดท้ายอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้หากมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อฐานะหรือทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือตามเงื่อนไขอื่นในประกาศฯ แต่การกำหนดราคาสุดท้ายจะยังคงเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ KEX ชี้แจงว่า แม้จะเพิกถอนหุ้นออกจาก ตลท. แล้ว บริษัทจะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และปฏิบัติตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ดังนั้น เคยเป็นหุ้นคึกคักสุดขีดในช่วงแรกของการเข้าซื้อขาย แต่ใครตามแห่เก็งกำไร และขายทิ้งไม่ทัน วันนี้เจ็บหนัก ซึ่งนักลงทุนคงได้รับบทเรียนอีกครั้ง บทเรียนที่เตือนว่า อย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ......

จากภาพในวันนั้นที่สตอรี่ธุรกิจสวยหรู คือ หุ้นอนาคตของธุรกิจขนส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ KEX ในฐานะ “ผู้เล่นในตลาด” เบอร์ต้นๆ ของประเทศ สอดรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ที่มีการเติบโตเป็นพลุแตก และสุดท้ายการมีผู้ถือหุ้นระดับยักษ์ใหญ่ทั้ง “ผู้ถือหุ้นต่างชาติ” และ “ผู้ถือหุ้นไทย อย่าง BTS”

เพราะถ้าพลาดถือหุ้นติดมือ ต้องติดดอย ขาดทุนป่นปี้ ซึ่งแปลงร่างจาก “หุ้นดาวรุ่ง” กลายเป็น “หุ้นดาวร่วง” ไปเสียแล้ว  

 

ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1178855

 


BeArt