ห้องเม่าปีกเหล็ก

ตี๋โบ๊โผล่หัวคุย

โดย Turbo
เผยแพร่ :
64 views

Image result for สวัสดียามดึก

ใครว่าอะไรไว้ เก่งก็ต้องชม

Feb 10, 2017

ผู้จัดการ ตลท.ยันตลาดหุ้นไทยยังเนื้อหอม เป้าหมายดัชนีถัดไป 1,680 จุด

ผู้จัดการ ตลท.ยันตลาดหุ้นไทยยังเนื้อหอม เป้าหมายดัชนีถัดไป 1,680 จุด

ผู้จัดการ ตลท.ชี้คาดการณ์ผลกำไร บจ. และจีดีพีของไทยที่เติบโตได้ดี เป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ขณะที่ ผจก.กองทุนเชื่อหุ้นไทยยังไปต่อได้ จากปัจจัยทั้งใน และต่างประเทศ เป้าหมายหุ้นไทย 1,680 จุด
       
       นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า แผนลดภาษีบริษัทจดทะเบียนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผลบวกกับบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ตอบรับปรับตัวขึ้นมาก เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าผลประกอบการจะดีขึ้น ประกอบกับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปีนี้ เติบโตดีกว่ายุโรปจึงทำให้ตลาดสหรัฐอเมริกาเป็นที่น่าสนใจลงทุน
       
       ส่วนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ไหลเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยนั้นมองว่า เป็นการกระจายเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี โดยในปีนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกับปี 2559 เนื่องจากการเติบโตของเศรษฐกิจ ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ดึงดูดการลงทุนของต่างชาติ
       
       อย่างไรก็ตาม การลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้มีความผันผวนสูงจากปัจจัยต่างประเทศที่คาดการณ์ได้ยากดังนั้น นักลงทุนต้องศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ส่วนนักลงทุนที่สนใจไปลงทุนยังตลาดต่างประเทศแนะนำให้ใช้ผู้จัดการลงทุนแทนจะเป็นประโยชน์มากกว่า
       
       ด้านนายพจน์ หะริณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) วรรณ จำกัด มองว่า ตลาดหุ้นไทยยังไปต่อ จากสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลก และปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่ยังเติบโตได้
       
       ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 3.4 มูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับไม่สูงมากเมื่อเทียบกับกลุ่ม TIP คือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
       
       โดยคาดว่าปีนี้ดัชนีหุ้นไทยปีนี้จะแกว่งตัวผันผวนระหว่าง 1,500-1,680 จุด โดยอัตราส่วนราคากำไรสุทธิ ที่ 15.5 เท่า หรือกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 107-108 บาท โดยกลุ่มที่น่าลงทุน คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง พลังงาน ไอซีที และเช่าซื้อ
       
       นายพจน์ กล่าวด้วยว่า สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกมีทิศทางฟื้นตัวในขาขึ้น โดยเฉพาะตลาดหุ้นประเทศที่พัฒนาแล้ว อย่าง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ซึ่งได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะเติบโตได้ร้อยละ 3.2
       
       ส่วนสหรัฐฯ จะเติบโตร้อยละ 2.3 จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทางด้านภาษี การสร้างงานผ่านนโยบายอเมริกันเฟิร์ส และการอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ของทรัมป์
       
       อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตามองแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งคาดว่าปีนี้จะปรับขึ้น 2 ครั้ง ซึ่งจะมีผลทำให้เกิดเงินทุนไหลกลับ เมื่อมีความชัดเจนเรื่องดอกเบี้ย 

*************************************************************************************************************************************

 

Jul 20, 2017

บล. ไทยพาณิชย์ คงเป้าหมายดัชนี 1,700 จุด คาดกำไร บจ. โต 7-10%

 

บล. ไทยพาณิชย์ มองหุ้นไทยปลายปียังสดใส คงเป้าหมาย 1,700 จุด คาดกำไร บจ. โตร้อยละ 7-10 ตามการเติบโตเศรษฐกิจไทย
       
       นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 จะปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ โดยมองเป้าหมายดัชนีที่ 1,650 จุด ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็น 1,700 จุดในช่วงสิ้นปี ส่วนกำไรบริษัทจดทะเบียน คาดว่าโตร้อยละ 7-10 ตามการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่า จีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4-5.5 มาจากการอุปโภคบริโภค การลงทุนภาครัฐ การส่งออก แต่ยังห่วงการลงทุนภาคเอกชนที่ยังฟื้นตัวช้า ทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจโดยรวมปรับดีขึ้น
       
       สำหรับปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อตลาดหุ้นไทย คือ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งคาดว่า เดือนธันวาคมนี้เฟดจะปรับขึ้น 1 ครั้ง และปรับดอกเบี้ยขึ้น 3 ครั้งในปี 2561 รวมทั้งการปรับลดงบดุลของเฟดเดือนกันยายน ซึ่งจะมีผลต่อกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ เงินดอลลาร์สหรัฐจะกลับมาแข็งค่า เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลออกจากตลาดเกิดใหม่กลับไปสหรัฐอเมริกา ทำให้เงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงในช่วงปลายปี
       
       ส่วนกลยุทธ์การลงทุน นักลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีราคาถูก มีปัจจัยสนับสนุนให้กำไรเติบโต โดยมอง 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มการแพทย์ พลังงาน และอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บมจ. กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ที่เชื่อว่าเงินปันผลจะปรับตัวดีขึ้น จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดี บมจ. โรงพยาบาลจุฬารัตน์ (CHG) มีแนวโน้มดีขึ้นจากการปรับเพิ่มอัตราเหมาจ่ายรายหัวในระบบประกันสังคม บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC) ราคาหุ้นปรับลงมามากถึงร้อยละ 11 ราคาต่ำกว่าหุ้นโรงกลั่นอื่น ๆ บมจ. เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ ( KCE) ราคาหุ้นยังถูก และกำไรมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในครึ่งหลังของปี จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรมรถยนต์ และต้นทุนทองแดงที่ดีขึ้น บมจ. ปตท. (PTT) ราคาหุ้นปรับลดลงมาแล้วร้อยละ 10 จากราคาสูงสุดเมื่อเดือนมกราคม 2560 เป็นโอกาสการลงทุน เนื่องจาก บมจ. ปตท. ทำธุรกิจแบบครบวงจร และ บมจ. เอสวีไอ (SVI) คาดว่า ราคาจะเติบโตครึ่งปีหลัง และได้ผลบวกจากการควบรวมกิจการ หลังเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ในยุโรป 

*************************************************************************************************************************************************

 

GOOD


Turbo