แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2567
คาด Cyclical bottom จะเกิดขึ้นเมื่อ Fed pivot เริ่มต้นขึ้นและคาดกำไรของตลาดจะดีขึ้น

ปัจจัยขับเคลื่อน
• คะแนนที่ดีขึ้น และสถิติในอดีตของตลาดหุ้นไทย โดยพบว่า SET Index มักจะให้ผลตอบแทนเชิงบวกหลังปีที่รายงานผลตอบแทนติดลบในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
• มาตรการกระตุ้นเศรษบกิจของรัฐบาลไทยจะส่งผลกระทบเต็มรูปแบบในปี 2567 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่ การลดราคาพลังงาน, ช่วยเหลือค่าครองชีพ/บรรเทาหนี้ให้กับเกษตรกร, ยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยว, ดิจิทัลวอลเล็ต, e-refund, ลดภาษีให้กับนักลงทุนใน TESG, ให้เงินช่วยเหลือเพื่อโปรโมต EV, มาตรการตรึงหนี้ครัวเรือนและมาตรการกระตุ้นอสังหาฯด้วย
ปัจจัยเสี่ยงหลัก
• ตลาดคาดว่าจะเฟดจะลดดอกเบี้ยในไตรมาส 2/2567 จากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงหรือเมื่อเกิดปญหาในระบบการเงิน โอกาสที่จะเกิดสภาวะ hard landing อยู่ที่ 80% ในวัฎจักรการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 15 ครั้งที่ผ่านมา
• Downsides ต่อประมาณการกำไรปี 2567 จากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง, การบริโภคที่อ่อนแอ, นักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้าและความล้มเหลวของรัฐบาลในการส่งต่อนโยบายหลัก
• การเมืองไทยร้อนแรงขึ้น หากรัฐบาลไม่สามารถผลักดันนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ได้ หรือเกิดการต่อรองระหว่างพรรคร่วม หลังวุฒิสภาสิ้นสุดเวลาทำงานในวันที่ 11 พ.ค.2567
• ตลาดสินเชื่อที่ตึงตัวขึ้น คาดจะส่งผลให้ต้นทุนเงินกู้ของบริษัทสูงขึ้น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงในการ rollover และเลื่อนแผน IPO ออกไป
• Event risk คาดจะส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ เช่น การเลือกตั้งทั่วโลก, ความขัดแย่งระหว่างสหรัฐฯ-จีน, รัสเซีย-ยูเครน และในตะวันอกกลาง
แนวโน้มตลาด
• SET Index เคลื่อนไหวช้ากว่า MSCI ACWI อยู่ 25% YTD จากแนวโน้มกำไรที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดี เราคงมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2567 จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นและมูลค่าหุ้นที่ถูกลง เป้า SET Index ปี 2567 ที่ 1,470
• หุ้นเด่ของเรา คือ BCH, GPSC, ADVANC, TIDLOR, CPALL, GLOBAL, MAJOR, ITC, CPN, AMATA, CK, และ TOP