ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่องอนาคต OR-PTG

โดย Forest
เผยแพร่ :
362 views

ส่องอนาคต OR-PTG

จะอยู่อย่างไรเมื่อภาครัฐกำลังหั่นค่าการตลาด

.

หุ้นกลุ่มปั๊มน้ำมันถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ล่าสุดมีกระแสข่าวการร้องเรียนเกี่ยวกับค่าการตลาดน้ำมันเบนซินที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งหากมีความจำเป็นกระทรวงพลังงานจะร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ใช้มาตรการด้านกฎหมายในการเข้ากำกับดูแล

.

ประเด็นนี้ในมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดจะเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของราคาหุ้นกลุ่มสถานีบริการน้ำมัน (OR, PTG) ในระยะสั้น-กลาง โดยเฉพาะ OR ที่มีสัดส่วนการจำหน่ายน้ำมันเบนซินที่ราว 40% ของปริมาณขายน้ำมันรวมเทียบกับ PTG ที่มีสัดส่วนราว 30% ของปริมาณขายน้ำมันรวม

.

แต่ยังคงแนะนำ “TRADING” สำหรับ OR ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 20.10 บาท และคงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ PTG ที่ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 ที่ 10.20 บาท อย่างไรก็ตามในเชิงกลยุทธ์ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยอาจพิจารณาเข้าลงทุนหลังมาตรการดังกล่าวมีความชัดเจน

.

ขณะที่ทิศทางการเติบโตของ OR ในมุมนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 22 บาท โดยคาดว่ากำไรไตรมาส 4/66 จะยังโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (แม้อาจจะลดลงจากไตรมาสก่อนจากฐานที่สูง)

.

ทั้งนี้เพราะได้ตามกำไรที่สูงขึ้นของธุรกิจ Mobility ในขณะที่ธุรกิจ Lifestyle น่าจะเห็นรายได้ที่สูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล ในขณะที่ความเสี่ยงด้านนโยบาย (regulatory risk) น่าจะจำกัดมากขึ้นหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์และราคาดีเซลก่อนหน้านี้

.

ดังนั้นเราคงประมาณการกำไรสุทธิปี 66 ที่ 1.36 หมื่นล้านบาท เติบโต 30.8% จากปีก่อน และคาดปี 67 จะมีกำไรสุทธิ 1.21 หมื่นล้านบาท โดยมีสมมติฐานที่สำคัญ คือ 1.กำไรขั้นต้นเฉลี่ยจะสูงขึ้นในช่วง 0.93- 1.04 บาทต่อลิตร เทียบกับ 0.98 บาทต่อลิตรในปี 65

.

2.ปริมาณยอดขายน้ำมันในประเทศจะอยู่ในช่วง 2.79-2.92 หมื่นล้านลิตร สูงขึ้นจาก 2.68 หมื่นล้านลิตรในปี 65 3.รายได้ธุรกิจ Lifestyle จะอยู่ในช่วง 2.23-2.36 หมื่นล้านบาท เทียบกับ 2.11 หมื่นล้านบาท และ 4.ปริมาณยอดขายน้ำมันในต่างประเทศจะอยู่ในช่วง 1.76-1.85 พันล้านลิตร สูงขึ้นจาก 1.50 พันล้านลิตรในปี 65

.

ขณะที่ฝั่งของ PTG ในมุมมองนักวิเคราะห์ค่ายดังกล่าว คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 10 บาท โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 66 ที่ 815 ล้านบาท ลดลง 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/66 คาดฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อน เนื่องจากปัจจัยฤดูกาลและค่าการตลาดที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ยังได้ธุรกิจ non-oil ซึ่งยังขยายสาขาอย่างต่อเนื่องช่วยหนุน

.

ขณะที่ราคาหุ้นกลับมาเคลื่อนไหวใกล้เคียง SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หลัง underperform มาตลอดจากความผันผวนของค่าการตลาด และความเสี่ยงจากการเข้าแทรกแซงราคาน้ำมันของภาครัฐ

.

โดยคาดราคาหุ้นมีอกาสกลับมา outperform ได้ โดยราคาหุ้นปัจจุบันเทรดอยู่ใกล้ -1SD ซึ่งเป็นกรอบที่ต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี เชื่อว่าราคาหุ้น price in ปัจจัยลบไปมากแล้ว ในขณะที่ไตรมาส 4/66 คาดกำไรฟื้นตัวเด่นจาก oil sales volume ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ และค่าการตลาดที่กลับมาฟื้นตัว

.

ขณะเดียวกันมีมุมมองเป็นกลางจากงาน analysts meeting หลังพัฒนาการของธุรกิจยังอยู่ในกรอบที่ประเมิน โดยสรุประเด็นได้ดังนี้ 1.ผู้บริหารยังคงค่าการตลาดปี 66 ที่ 1.7-1.8 บาทต่อลิตร และ oil sales volume (นับจากต้นไตรมาสถึงปัจจุบันQTD) ยังโตได้ double digit เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

.

2.การขยายสาขายังคงเป็นไปตามแผน โดยกาแฟพันธุ์ไทยสิ้นปีคาดอยู่ในระดับ 900 สาขา จากสิ้นไตรมาส 3 ที่ 756 สาขา 3.Palm complex คาดว่าในไตรมาส 4/66 จะไม่ขาดทุนหลังราคาปาล์มทรงตัว

 

 

 


Forest