มาต่อจากตอนที่แล้วกันครับ
เทคนิคจุดเข้าจุดออก 10% การบริหารจัดการหน้าตักเงิน 30% จิตวิทยการลงทุน 60% ใช้อย่างไรให้พอร์ตหุ้นแข็งแกร่ง ตอนที่ 1
พอร์ตหุ้นที่เรานักลงทุนเลือกลงทุนนั้นจะแข็งแกร่งไม่ได้เลยหากไม่มีองค์ประกอบครบทั้ง 3 ส่วน
1. ยอดสุดของปิรามิด : เทคนิค หรือระบบเทรด หรือจุดเข้า จุดออกของเงื่อนไขในการซื้อหุ้น มีระดับความสำคัญที่ 10%
2. จุดศูนย์กลางของปิรามิด : การบริหารจัดการหน้าตักเงินทุนในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง หรือแต่ละตัว มีระดับความสำคัญที่ 30%
3. ฐานล่างของปิรามิด : จิตวิทยาการลงทุน หรือการเรียนรู้ผู้เล่นในระบบในสนามทั้งหมด หรือความมีวินัย ความเชื่อมั่นต่อระบบ หรือธรรมชาติของราคาที่เกิดจากผู้เล่น มีระดับความสำคัญที่ 60%
จากตอนที่ 1 ความสำคัญของ 1. ยอดสุดของปิรามิด : เทคนิค หรือระบบเทรด หรือจุดเข้า จุดออก : คือเป็นส่วนของการสร้างความแม่นยำในการการเข้าทำกำไร และปิดความเสี่ยงให้ขาดทุนน้อยที่สุด
แต่ในโลกความเป็นจริง...ธรรมชาติของราคาหุ้นนั้น แม้เราจะมีระบบที่มีความแม่นยำเช่นไร แต่ก็ต้องมีสักวันที่ระบบนั้นอาจเกิดไม่แม่นยำเช่นเดิมขึ้นมาได้ เพราะผู้เล่นในสนามการลงทุนเริ่มเรียนรู้กลยุทธ์หรือเทคนิคที่ทำกำไรตามที่ผ่านมานั้นๆได้แล้ว และได้พัฒนาทักษะสร้างสิ่งที่เหนือกว่าขึ้นมา...ดังนั้นส่วนต่อไปที่จะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตการลงทุนของเราได้ และปิดความเสี่ยง ลดความเสี่ยงจากปัญหาของส่วนที่ 1 ( ยอดสุดของปิรามิด ) ได้นั้นก็คือส่วนที่ 2. จุดศูนย์กลางของปิรามิด
หากดูจากภาพ ปิรามิดตามธรรมชาติ + ปิรามิดกลับหัว ส่วนที่ยังคงอยู่ในแก่นกลางที่เหมือนกันก็ยังคงคือ จุดศูนย์กลางของปิรามิด : การบริหารจัดการหน้าตักเงินทุนในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง หรือแต่ละตัว ซึ่งยังคงมีระดับความสำคัญที่ 30%
ทำไมจุดนี้จึงสำคัญ...อย่างเช่น มนุษย์มีส่วนท่อนบน ท่อนกลาง ท่อนล่าง
ท่อนบน : ก็เปรียบเหมือน ยอดสุดของปิรามิด : เทคนิค หรือระบบเทรด หรือจุดเข้า จุดออกของเงื่อนไขในการซื้อหุ้น
ท่อนกลาง : ก็เปรียบเหมือน จุดศูนย์กลางของปิรามิด : การบริหารจัดการหน้าตักเงินทุนในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง หรือแต่ละตัว
ท่อนล่าง : จิตวิทยาการลงทุน หรือการเรียนรู้ผู้เล่นในระบบในสนามทั้งหมด หรือความมีวินัย ความเชื่อมั่นต่อระบบ หรือธรรมชาติของราคาที่เกิดจากผู้เล่น
ท่อนกลางที่มีความสำคัญมากๆเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างท่อนบน และท่อนล่าง หน้าที่...ที่สำคัญของท่อนกลาง หรือ จุดศูนย์กลางของปิรามิด คือ การทำให้สิ่งที่ผิดพลาด...การลงทุนในหุ้นที่ผิดพลาด...การเข้าลงทุนในต้นทุนราคาที่ผิดพลาด...สามารถกลับมาชนะได้...สามารถกลับมาทำกำไรได้ หรือหากเกิดความเสียหายก็เป็นเพียงบางส่วน...แต่ไม่ใช่ทั้งหมดของพอร์ตการลงทุน เป็นอย่างไรกันมาดูที่ภาพต่อไปนี้ครับ
1. หากเรามีเงินทุน 100% เรายอมรับความเสี่ยงได้ที่ 50%จึงแบ่งเงินออกเป็น 2 ส่วน ส่วนละ50%ต่อ50%
2. และเราก็ยังคงคิดว่า 50% ที่เรานำไปลงทุนนั้นอาจเกิดความผิดพลาดจากการเลือกธุรกิจผิดพลาด หรือปัญหาทางการเมือง ทางเศรษฐกิจ ทางกลุ่มอุตสหกรรมของธุรกิจนั้นๆ เราจึงแบ่งเงินทุน 50% กระจายการลงทุนออกไปอีก 10 ธุรกิจ เท่ากับมีเงินทุนสำหรับธุรกิจละ 5%
3. เมื่อเรามี 10 ธุรกิจที่สามารถเลือกลงทุนได้ ด้วยเงินทุนต่อธุรกิจละ 5% เราก็สามารถแบ่ง 5% ได้อีกว่าจะซื้อครั้งเดียว หรือกระจายซื้อแบ่งซื้อตามโซนราคาต่างๆที่มีต้นทุนลดลง
4. ขาดทุนสูงสุดต่อธุรกิจคือ 5% คือราคาหุ้นนั้นต้องเป็น 0 บาท
5. กำไรสูงสุดไม่มีกรอบเพดานด้านบน
6. จากข้อ 4 และข้อ 5 เราเพียงแค่บริหารจัดการให้ 10 ธุรกิจภาพร่วมมีผลเป็นกำไรมากกว่าขาดทุนเราก็จะสามารถสร้างผลกำไรได้อย่างแข็งแกร่งให้กับพอร์ตการลงทุนของเราได้ โดยไม่ต้องแม่นยำในทุกจังหวะซื้อก็ตาม ( แต่ตามที่แจ้งไปในตอนที่ 1 ระบบหรือความแม่นยำก็ยังคงมีความสำคัญอยู่นะครับนั้นคือ หากแม่นจะยิ่งดีมากครับ เพราะส่งผลถึง 10% )
7. หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือสถานะการณ์ฉุกเฉิน เราอาจพิจารณานำเงินที่สำรองไว้อีก 50% มาช่วยเสริมการลงทุนให้แก่พอร์ตการลงทุนของเราอีกทีก็ได้ครับ ตรงนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ และการพิจารณาที่หน้างานในสถานะการณ์นั้นๆอีกทีครับ
นี่ละครับความสำคัญของ จุดศูนย์กลางของปิรามิด : การบริหารจัดการหน้าตักเงินทุนในการซื้อหุ้นแต่ละครั้ง หรือแต่ละตัว ทำให้ความแม่นยำที่คาดเคลื่อนไปของจุดเข้าจุดออกส่งผลกระทบกับพอร์ตการลงทุนของเรา ทำให้พอร์ตการลงทุนในภาพร่วมของเรานั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
แต่แม้เราจะมี 1. ยอดสุดของปิรามิด และ 2. จุดศูนย์กลางของปิรามิด แล้วโลกของการลงทุนที่แท้จริงยังมีสิ่งที่หลายๆคนอาจยังก้าวข้ามไม่ได้นั้นก็คือ 3. ฐานล่างของปิรามิด : จิตวิทยาการลงทุน หรือการเรียนรู้ผู้เล่นในระบบในสนามทั้งหมด หรือความมีวินัย ความเชื่อมั่นต่อระบบ หรือธรรมชาติของราคาที่เกิดจากผู้เล่น คืออย่างไรกันไว้ติดตามกันในตอนที่ 3 นะครับ ไว้พบกันครับ