ห้องเม่าปีกเหล็ก

'การบินไทย'ขายนกแอร์-อุ้มไทยสมายล์

โดย dave
เผยแพร่ :
85 views

'การบินไทย'ขายนกแอร์-อุ้มไทยสมายล์ 'ชาญศิลป์'มั่นใจ 2 ปีอุตฯ การบินฟื้น

“การบินไทย” กางแผนฟื้นฟูองค์กร เร่งตุนกระแสเงินสดในมือ เทขายบิ๊กล็อต “นกแอร์”495 ล้านหุ้น หนุน “ไทยสมายล์” ลงสนามการบินในประเทศ พร้อมเข็นโครงการลดค่าใช้จ่าย ลั่น 5 ปี ต้องเซฟ 6 หมื่นล้าน มั่นใจอุตการบินฟื้นภายใน 2 ปี

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยกับกรุงเทพธุรกิจถึงความคืบหน้าแผนฟื้นฟูองค์กร โดยระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งเจรจาเจ้าหนี้ ทำความเข้าใจกับเจ้าหนี้และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ก่อนจะมีการจัดประชุมเจ้าหนี้ในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ซึ่งยืนยันว่าการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติที่สร้างรายได้และเศรษฐกิจให้กับประเทศ การฟื้นฟูกิจการเป็นทางออกที่เหมาะสมมากกว่าการปล่อยให้ล้มละลาย

อย่างไรก็ดี แผนฟื้นฟูองค์กรที่การบินไทยได้ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ มีหนี้สินแจ้งอยู่ที่ 4 แสนล้านบาท แต่อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ตรวจสอบมูลหนี้ที่แท้จริง โดยคาดว่าน่าจะอยู่ที่ 1.8–1.9 แสนล้านบาท และในส่วนของเจ้าหนี้นั้น เป็นหนี้จากหุ้นกู้สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท เป็นหุ้นกู้จากสหกรณ์ออมทรัพย์ ประกัน สถาบันทางการเงิน โดยขณะนี้ได้มีการเจรจายืดหนี้และปลอดดอกเบี้ย

“ตั้งแต่มีการบินมา ก็ต้องยอมรับว่าปีนี้หนักที่สุด ซึ่งตรงนี้เจ้าหนี้ก็เข้าใจเรา เพราะที่ผ่านมาเราก็พยายามหารายได้อื่นๆ อยู่ตลอด ทั้งรายได้จากครัวการบิน รายได้คาร์โก้ ที่มีการขนส่งสินค้า ผักและผลไม้อยู่ตลอด รวมไปถึงรายได้จากฝ่ายช่าง ก็เปิดรับซ่อมจากลูกค้าข้างนอก หวังว่าเจ้าหนี้จะโหวตให้แผนเราผ่าน”

แผนลดต้นทุน 5 ปี 6 หมื่นล้าน

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ในระยะสั้นของการบริหารธุรกิจนี้ การบินไทยต้องการกระแสเงินสดในมือเพื่อที่จะเสริมสภาพคล่อง ซึ่งประเมินไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ เงินกู้ และเพิ่มทุน แต่ยืนยันว่าวงเงินที่ประเมินไว้ไม่จำเป็นต้องจัดหาภายในครั้งเดียว หากการบินไทยสามารถกลับมาทำการบินได้ปกติ มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาทั้งหมด

อีกทั้งที่ผ่านมาการบินไทยได้จัดตั้งฝ่ายบริหารต้นทุน ทำโครงการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้มากถึง 600 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะทำให้การบินไทยเกิดกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ประมาณ 10% ภายในปี 2568 ตลอดจนเพิ่มศักยภาพบุคลากร เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร และเปลี่ยนระบบการทำงานรูปแบบใหม่ โดมาตรการสำเร็จแล้ว เช่น การปรับลดขนาดองค์กร ลดจำนวนพนักงานจากในปี 2562 มีพนักงานประมาณ 2.9 หมื่นคน และในปี 2564 จะมีพนักงานเหลือ 1.3–1.5 หมื่นคน ลดค่าใช้จ่ายจาก 3 หมื่นล้านบาท เหลือ 1–1.2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ การบินไทยยังมีแผนในการลดขนาดฝูงบิน และปรับลดแบบเครื่องบินจาก 12 แบบ เหลือ 5 แบบ ปรับลดแบบเครื่องยนต์จาก 9 แบบ เหลือ 4 แบบ เพื่อให้สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการบิน และความต้องการในการใช้เครื่องบิน อีกทั้งเพื่อลดต้นทุนค่าซ่อมบำรุง เจรจาลดค่าเช่าเครื่องและอะไหล่ ทำให้การบินไทยสามารถลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 30-50% และมีเป้าหมายลดค่าใช้จ่ายสูงถึง 6 หมื่นล้านบาทต่อปี ภายใน 5 ปีนี้

ขายนกแอร์เสริมสภาพคล่อง

ขณะเดียวกันการบินไทยยังได้เร่งหากระแสเงินสดเสริมสภาพคล่องตามแผนฟื้นฟู ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขออนุญาตขายทรัพย์สินบางรายการที่ไม่ได้เป็นทรัพย์สินหลักที่จำเป็นในการดำเนินธุรกิจการบินของลูกหนี้ หรือเป็นทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ หรือหากเก็บไว้มีแต่จะเสื่อมค่าเสื่อมราคาลง ตลอดจนก่อให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาที่เพิ่มขึ้นจำนวน 4 รายการ ได้แก่

1.หุ้นสายการบินนกแอร์

2.หุ้นบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

3.เครื่องยนต์ของเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ที่ไม่ได้ใช้งาน (จำนวน 5 เครื่องยนต์)

4.อาคารศูนย์ฝึกอบรมหลักสี่ ซึ่งศาลล้มละลายกลางได้ไต่สวนและมีคำสั่งอนุญาตให้ขายทรัพย์สิน ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เปิดแผนธุรกิจไทยสมายล์

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า นอกจากเร่งหาเงินสดจากทุกหน่วยธุรกิจที่สามารถทำได้ ไม่เกี่ยงเงินน้อย ขอแค่เป็นงานที่สุจริต การบินไทยยังผลักดันให้สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งการบินไทยถือหุ้น 100% หารายได้จากการบินเส้นทางภายในประเทศ รวมไปถึงปรับตัวในการหารายได้จากการขนส่งสินค้า และขายสินค้าที่เกี่ยวกับบริการด้านการบิน

“ไทยสมายล์เราจะไม่พูดถึงการยุบหรือปิดตัวอะไรแล้ว เพราะวันนี้เราควรมองโอกาสที่จะปรับตัว ให้ไทยสมายล์เป็นสายการบินคอนเนคชั่นไฟล์ตภายในประเทศ ทำการบินเส้นทางในประเทศแทนที่การบินไทย เพราะหากเทียบต้นทุนแล้ว ไทยสมายล์ใช้เครื่องบินลำตัวแคบที่สามารถคุมต้นทุนได้ดีกว่าเครื่องบินลำตัวกว้างของการบินไทย”

สำหรับแผนธุรกิจของไทยสมายล์ เนื่องจากที่ผ่านมาการบินไทยยกเลิกค่าใช้จ่ายการเช่าอาคารสำนักงาน และให้เข้ามาบริหารภายในสำนักงานของการบินไทย ตลอดจนปรับปรุงช่องทางขาย ให้รวมกับการบินไทย ทำให้ขณะนี้ไทยสมายล์สามารถลดต้นทุนการบริหารจัดการไปได้อย่างมาก ดังนั้นแผนในอนาคต เมื่อไทยสมายล์ต้องรับบทบาทชัดเจน เป็นตัวแทนการบินไทยให้บริการเส้นทางภายในประเทศ และภูมิภาคใกล้เคียง ประกอบกับเพิ่มรายได้คาร์โก้ และขายสินค้าประเภทอื่นๆ จะทำให้ไทยสมายล์มีรายได้มากขึ้นและยั่งยืน

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้การบินไทยอยู่ระหว่างดำเนินการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ ซึ่งมีการประกาศและเปิดให้พนักงานสมัครเข้ารับตำแหน่งใหม่ตามความถนัด โดยเปิดรับวันที่ 11-19 มี.ค.นี้ และจะเริ่มพิจารณาคัดเลือกพนักงานในวันที่ 22-26 มี.ค.2564 ก่อนจะมีผลใช้โครงสร้างองค์กรใหม่วันที่ 1 พ.ค.2564 โดยยืนยันว่าการบินไทยไม่ได้ทำขัดต่อกฎหมาย เปิดให้พนักงานทุกคนสมัครใจรับการคัดเลือก หากพนักงานที่ไม่ได้รับคัดเลือกจะได้รับการพิจารณาในตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม

อีกทั้งโครงการองค์กรใหม่นี้ ยังปรับลดฝ่ายบริหารเพื่อทำให้องค์กรคล่องตัว จากเดิมฝ่ายบริหารจะมี 8 ระดับ เหลือเพียง 5 ระดับ ปรับจำนวนฝ่ายบริหารจาก 700 คน เหลือราว 500 คน พร้อมทั้งกำหนดการทำงานของพนักงานต้องไม่ซ้ำซ้อน นักบินหากจะสมัครเป็นฝ่ายบริหารต้องรับเงินเดือนจากฝ่ายบริหารเท่านั้น แก้ปัญหาการรับเงินเดือน 2 ตำแหน่งอย่างที่เคยเป็นมา รวมทั้งโครงสร้างใหม่ตามแผนฟื้นฟูนี้ ได้เปิดแผนกใหม่ให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบัน อย่างฝ่ายดิจิทัล ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายการตลาดเน้นดิจิทัล และ B2B เป็นต้น

“ผมเชื่อว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ผู้โดยสารการบินไทยจะกลับมาในสัดส่วน 40-50% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนเหลือเพียง 10% โดยการเดินทางจะเริ่มกลับมาในช่วงปลายปีนี้ หลังจากเริ่มฉีดวัคซีนแล้ว คนจะเริ่มมั่นใจ และเดินทาง คาดว่าผู้โดยสารจะมีสัดส่วน 20%”

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


dave