MAKRO ปั้นแอปฯ maknet บุกตลาดออนไลน์เต็มสูบ หวังดันยอดขายออนไลน์แตะ 30%

MAKRO เปิดตัวแอปพลิเคชัน maknet หวังเป็น New S-Curve ชูจุดเด่นศูนย์กลางตลาดค้าส่งออนไลน์ครบจบในที่เดียวเพื่อผู้ประกอบการ ตั้งเป้าเป็น B2B Marketplace อันดับ 1 ของไทย ช่วยหนุนยอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิมที่ 12%


นายริคาร์โด้ เบารอตโต้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หน่วยธุรกิจแม็คโครประเทศไทย เปิดเผยว่า ด้วยพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าผู้ประกอบการที่หันไปสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น โดยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม็คโครมีอัตราส่วนยอดขายผ่านช่องทาง Omni Channel เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ประกอบกับภาพรวมของธุรกิจโฮเรก้าที่คาดว่าจะมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างชัดเจน จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เข้ามาส่งเสริม เราจึงได้ทำการเปิดตัว maknet  B2B Marketplace เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการในรูปแบบ End to End Solution โดยใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของแม็คโครกว่า 32 ปี ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทางการค้าและผู้ผลิตรายย่อยหรือเอสเอ็มอีกว่า 5,000 ราย  ในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรในราคาที่คุ้มค่า เราเชื่อมั่นว่า  maknet จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมอาหารและการท่องเที่ยวรวมถึงเศรษฐกิจไทยโดยรวม และจะเป็น New S-Curve ที่สร้างการเติบโตให้กับธุรกิจแม็คโคร และก้าวสู่การเป็น B2B Marketplace อันดับ 1 ของประเทศได้อย่างแน่นอน


“maknet จะช่วยให้บริษัทสามารถจับกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ได้ ในขณะเดียวกันก็ช่วยเติมเต็มความต้องการของลูกค้าเดิม เพิ่มมูลค่าให้สินค้าและบริการ ต่อยอดการเติบโตให้กับ MAKRO ในอนาคต โดยคาดหวังว่าการเข้ามาของ maknet จะผลักดันยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ MAKRO ให้เพิ่มขึ้นเป็น 30% จากเดิมอยู่ที่ 12% จากยอดขายรวมทั้งหมด”


ด้านนายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล ผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจดิจิทัล บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO กล่าวว่า ในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายฐานลูกค้า 50,000 รายภายในสิ้นปี และเพิ่มขึ้นเป็น 500,000 รายภายใน 3 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบัน maknet นำเสนอสินค้าและบริการมากกว่า 30,000 รายการ จากทั้งแม็คโคร ผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำ และผู้ผลิตสินค้ารายย่อยหรือเอสเอ็มอี ครอบคลุมทุกกลุ่มสินค้าที่ผู้ประกอบการต้องการ เช่น กลุ่มอาหารสด อาหารแห้ง บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ตลอดจนอุปกรณ์และบริการสำหรับธุรกิจโฮเรก้า โดยสิ้นปีนี้คาดว่าจะขยายสินค้าและบริการเพิ่มเป็น 100,000 รายการ รวมถึงมีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ประกอบการที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง


ปัจจุบัน maknet ให้บริการในพื้นที่กรุงเทพใต้ คาดว่าในไตรมาส 2/65 จะขยายบริการครอบคลุมกรุงเทพฯ ทั้งหมด และภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะขยายพื้นที่บริการได้ทั้งกรุงเทพฯ และเขตปริมณฑล นอกจากนี้ จะเพิ่มบริการใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการ เช่น บริการให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ และแหล่งเงินกู้ เป็นต้น ทั้งนี้ คาดว่าบริการดังกล่าวจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2565

ราคาหุ้น Laggard อยู่ในระดับก่อนได้ Lotus's

ด้านนักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุถึง แนวโน้มไตรมาส 1/65 ของ MAKRO ว่า คาดกำไรจะอยู่ที่ 2.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ลดลง 78% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตจากไตรมาส 1/64 หลักๆ มาจากการรับรู้ผลประกอบการของ Lotus's ที่ยังไม่มีในไตรมาส 1/64 ส่วนการอ่อนตัวของกำไรเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/64 เพราะไม่มีการรับรู้กำไรพิเศษจากการควบรวมกิจการ Lotus's , ปัจจัยฤดูกาลและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น จากการเริ่มรับรู้รายการเหล่านี้เต็มไตรมาส 1/65


แม้ภาพรวมยังอาจขาดปัจจัยหนุนหุ้นในระยะสั้น แต่ประเมินว่า MAKRO จะกลับมาโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 หลังเสร็จเรื่องของการรีแบรนด์และการทยอยคืนหนี้ อย่างไรก็ตามราคาหุ้นปัจจุบัน ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนได้ Lotus’s เข้ามา ขณะที่หากพิจารณาคาดการณ์กำไรที่จะฟื้นตัวก้าวกระโดดใน 2 ปีข้างหน้า หุ้นปัจจุบันมีค่า PER ปี 2565 และ PER ปี 2566 ที่กำไรฟื้นตัวสู่ระดับปกติราว 30.7 เท่า และ 22.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่า PER Band เฉลี่ยในช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 (ปี 2557-2562) ที่ซื้อขายเฉลี่ย ราว 33 เท่า จึงเหมาะลงทุนระยะกลาง-ยาว มูลค่าพื้นฐานที่52.8 บาท ขณะที่ยังไม่รวมโอกาสระยะยาวที่จะเปิด Upside นอกประมาณการ จากข้อได้เปรียบความเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกค้าส่งที่มีโอกาสขยายตัวไปได้ในระดับภูมิภาค รวมถึงช่องทางออนไลน์