ห้องเม่าปีกเหล็ก

คิดเป็น เห็นก่อน

โดย ชัจจ์ปัณฑ์
เผยแพร่ :
59 views

มองหาโอกาสในวิกฤต

การปรับตัวลดลงแรงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ นับเป็นปัจจัยที่ส่งผลกดดันต่อบรรยากาศการลงทุน และกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกต่างพากันปรับตัวลงแรงเช่นกัน  หลังตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาค่อนข้างดีในทุกๆด้าน โดยเฉพาะตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ออกมาดีว่าที่คาด รวมถึงอัตราการว่างงานก็ลดลงต่อเนื่อง ทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯเร่งตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสูงต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่จะมาเร็วกว่าที่คาด

นอกจากนี้ความกังวลว่าธนาคารกลางหลัก 3 แห่งของโลก คือ ธนาคารกลางยุโรป (ECB)  ญี่ปุ่น (BoJ) และสหรัฐ (Fed) จะเริ่มใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น นำโดย Fed ที่นำร่องไปแล้วเรื่องมาตรการลดงบดุลดึงสภาพคล่องกลับ ส่วน ECB กับ BOJ ก็อาจจะดำเนินรอยตาม Fed ได้ในไม่ช้าเหมือนกัน หลังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะทางฝั่งยุโรป ก็เป็นไปได้ที่ทั้ง 2 ธนาคารกลางหลักของโลกจะเดินรอยตาม สหรัฐฯ เพราะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในทิศทางเดียวกันมาโดยตลอดนั่นเอง

สำหรับตลาดหุ้นไทยเองก็คงหนีแรงกระแทกที่จะส่งมาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการปรับขึ้นมาของตลาดหุ้นไทยช่วงที่ผ่านมามีความร้อนแรง โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่นำตลาดที่ราคาวิ่งแรงกันมาต่อเนื่อง ทำให้ตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากความตื่นตระหนกที่เกิดขึ้นทั่วโลกไม่มากก็น้อยครับ ก็อยู่ที่พื้นฐานที่แท้จริงของตลาดหุ้นไทยครับว่าจะรับไว้ได้หรือไม่

แต่ที่สำคัญที่นักลงทุน ต้องพึงตระหนัก คือว่าความมีสติ คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หรือส่งผลแปรเปลี่ยนไปทางใดทางหนึ่งในระยะยาวหรือไม่ ก่อนตัดสินใจอะไรลงไป เพราะการตัดสินใจครั้งนี้อาจนำมาซึ่งความเสียหายอย่างที่ไม่ควรเสีย หรือคว้าโอกาสในวิกฤตก็เป็นไปได้  ถ้ามั่นใจในพื้นฐานของหุ้นที่เรามี นี่อาจจะเป็นโอกาส แต่ถ้าไม่รู้ว่าหุ้นที่อยู่ในพอร์ตซื้อมาเพราะอะไร ก็ขอให้ตั้งสติให้ดี อย่าไปรับเอาของร้อน หรือซื้อถัวจนหมดหน้าตักนะครับ

แน่นอนการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยตามปัจจัยภายนอกนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นถึงแม้จะเป็นสิ่งที่หลายๆคนไม่อยากจะให้เกิดขึ้นก็ตาม แต่ทว่าถ้าคิดกันให้ดีๆ ก็ต้องยอมรับกันครับว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปตามธรรมชาติของตลาดอยู่แล้ว คำถามที่ว่า แล้วมันควรจะลดลงไปที่เท่าไร   ก่อนอื่นก็ต้องยอมรับความจริงกันก่อนตรงๆ ว่า อาจจะไม่เป็นไปตามกฎเสมอไป ซึ่งก็หมายถึงภาวะตลาดในปัจจุบันเมื่อเวลาและปัจจัยที่มากระทบ ก็คือ การพิจารณาปัจจัยที่แปรเปลี่ยนเข้ามาขณะนี้ ทั้งปัจจัยภายในเรื่องเศรษฐกิจที่กำลังฟื้น และกำไรบริษัทจดทะเบียนที่คาดว่าจะดีขึ้น  ส่วนปัจจัยภายนอกเรื่อง Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนั้น ที่จริงแล้วตลาดก็มีการรับรู้มาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นอาจจะมีผลกระทบต่อตลาดหุ้น ไม่ได้มากอย่างที่กังวลกันก็เป็นไปได้เหมือนกัน

การลงทุนที่ดีต้องมีสติในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะดีจะร้ายอย่างไร ในตลาดดีก็อย่าย่ามใจ ประมาท และโลภมากเกินความสามารถของตนเอง ยิ่งในตลาดแย่ดูไม่ดียิ่งต้องมีสติ มีสมาธิ นิ่งพิจารณามองหาโอกาสซึ่งในตลาดหุ้นที่ผ่านมาโอกาสมักจะมาให้นักลงทุนได้แสวงหากันก็ในช่วงตลาดดูไม่ดีนี่ล่ะครับ สำหรับผู้ที่มองเห็นและสามารถคว้าโอกาสได้เท่านั้นที่จะสามารถสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตัวเองได้ เพราะฉะนั้นการลงทุนที่ดีเราต้องอยู่ในภาวะที่เตรียมพร้อมรับมือในทุกสถานการณ์ สามารถเอาตัวรอดและเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากตลาดหุ้นที่มีเม็ดเงินอยู่อย่างมหาศาลมาเป็นของเราครับ

ในวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ในตลาดหุ้นก็เช่นกันครับ หุ้นดีราคาถูกมักจะมาเวลาตลาดมีข่าวร้าย และจะแพงมากเมื่อตลาดมีข่าวดีมากๆ นักลงทุนส่วนใหญ่จะขายหุ้นเวลาตลาดมีข่าวร้ายและจะซื้อหุ้นเวลาตลาดมีข่าวดี จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ค่อนข้างประสบความสำเร็จเอาชนะตลาดหุ้นได้ยากมากครับ อันนี้ก็ต้องอยู่ที่นักลงทุนทุกท่านว่าจะมองเห็นโอกาสและฉวยมันไว้ได้หรือไม่ รวมถึงสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยจากโอกาสที่ได้มามากน้อยแค่ไหน

 


ชัจจ์ปัณฑ์