ตลาดทุนถือเป็นขาหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ ดังนั้นคิวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ที่ต้องปรับตัวเพื่อรับการพัฒนาโมเดลเศรษฐกิจใหม่ หรือประเทศไทย 4.0 และเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2559 นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่ผู้บริหารตลท. ในโอกาสนี้รองนายกฯได้ฝากการบ้านไว้หลายข้อ หนึ่งในนั้น คือ การมอบนโยบายให้ตลท.ทำแผนแม่บทตลาดทุนรับไทยแลนด์ 4.0
นายสมคิด กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ในประเทศด้วยการคิดแผนเชิงรุกจูงใจธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ธุรกิจนวัตกรรมใหม่ๆ ธุรกิจอุตสาหกรรมการบิน เชื้อเพลิงชีวภาพ เคมีชีวภาพ และธุรกิจดิจิตอล เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้น
สำหรับธุรกิจสตาร์ตอัพ ที่ไม่สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นได้ เนื่องจากไม่ได้เป็นบริษัทขนาดใหญ่ เพราะฉะนั้นจึงต้องการให้ตลท.หาแผนงานรองรับในส่วนดังกล่าว โดยต้องหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในการหาแนวทาง เช่น สร้างตลาดรองรับสตาร์ตอัพ หรือการคิดสร้างสรรค์กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (Create Sector) เป็นต้น
“ผมต้องการให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีแผนงานสำหรับสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัพ “ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า
เงินกองทุนพัฒนาตลาดทุนที่มีอยู่จำนวนมาก ยังสามารถนำไปช่วยสร้างสิ่งอำนวยความสะดวก ให้สตาร์ตอัพเกิดความเข้มแข็ง เช่น การระดมทุนของสตาร์ตอัพให้มีการเชื่อมโยงกับตลท. โดยให้ตลท.เป็นแกนกลางในการเชื่อมโยงกับสถาบันการเงิน มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัย เพื่อสร้างเสถียรภาพขึ้นมาให้ได้
การบ้านอีกข้อที่รองนายกรัฐมนตรีให้ไว้ คือ น่าจะถึงเวลาเหมาะสมที่ตลท.ควรเป็นหัวขบวนในการวางแผนนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์ ) กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์) ซึ่งขั้นตอนการจัดตั้งกองทุนน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 2560
พร้อมทั้งได้ขอให้ตลท.คิดแผนงานเพื่อผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็นตลาดที่ใช้ ระดมทุนในภูมิภาคเออีซี หรือกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม )เพื่อเพิ่มช่องทางให้คนไทยได้มีโอกาสลงทุนในบริษัทที่ออกไปลงทุนในประเทศ เพื่อนบ้าน
รวมถึงแนะนำให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ สร้างนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่มีคุณภาพมากขึ้น เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีความสำคัญมากต่อวงการตลาดทุน หากตลาดทุนเติบโตขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจมีการร่วมพัฒนาหลักสูตรต่างๆ ผ่านมหาวิทยาลัย
ด้านนางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท. จะนำนโยบายที่ได้รับมอบหมายมาเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานปี 2560 โดยในส่วนของการออกไปโรดโชว์ต้องรอให้การจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปี 2559 หรือต้นปี 2560
ขณะที่ในส่วนของการสนับสนุนสตาร์ตอัพที่ผ่านมามีการดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งการให้ความรู้และการช่วยเหลือเรื่องเงินทุน โดยการให้นโยบายในครั้งนี้เพื่อให้ทุกภาคส่วนในตลาดทุนได้ทำงานร่วมกัน มากกว่า ด้านการใช้เงินกองทุนเพื่อสนับสนุนสตาร์ตอัพนั้นต้องทำแผนงานที่ชัดเจนเพื่อ เสนอต่อคณะกรรมการตลท.ต่อไป ส่วนการตั้งช่องทางใหม่เพื่อรองรับสตาร์ตอัพนั้น ตลท.มีแผนอยู่แล้ว
ฟากนายรพี สุจริตกุล เลขาธิการก.ล.ต. กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีได้เข้ามาพูดคุยเรื่องความคืบหน้าแผนพัฒนาตลาดทุน โดยต้องการเห็นกรอบระยะเวลาการทำงานที่ชัดเจน ซึ่งอยากให้หน่วยงานด้านตลาดทุนร่วมมือกันเสริมประสิทธิภาพให้สอดคล้องกับ ประเทศไทย 4.0 ที่เป็นนโยบายของภาครัฐ
นอกจากนี้ให้หน่วยงานด้านตลาดทุนให้การสนับสนุนเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) และสตาร์ตอัพ รวมถึงธุรกิจเงินร่วมลงทุน (เวนเจอร์แคปปิตอล) เพื่อให้ธุรกิจของไทยมีการเติบโตมากขึ้นเสริมศักยภาพประเทศในอนาคต อย่างไรก็ตามการประชุมในครั้งนี้ไม่มีการเจรจาเรื่องปรับโครงสร้างตลท. แต่อย่างใด
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,187 วันที่ 4 – 7 กันยายน พ.ศ. 2559