ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 11.01 จุด กังวล PPI สูงกว่าคาด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,911.26 จุด ลดลง 11.01 จุด หรือ -0.02%,
ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,468.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.96 จุด หรือ +0.03%
และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,710.67 จุด ลดลง 2.47 จุด หรือ -0.01%
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 3.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.4% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 3.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.9% จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย.
แม้ว่านักลงทุนยังคงมั่นใจว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. แต่ดัชนี PPI ที่ออกสูงเกินคาดทำให้นักลงทุนปรับลดโอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้
นักวิเคราะห์จากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของตลาดแรงงานและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาดเป็นปัจจัยหนุนความคาดหวังที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า แต่ดัชนี PPI ล่าสุดที่ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจจะเริ่มส่งผลกระทบต่อตัวเลขเงินเฟ้อในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะสกัดแรงบวกของตลาด
อัลเบอร์โต มูซาเลม ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ซึ่งเป็นกรรมการที่มีสิทธิ์โหวตนโยบายการเงินของเฟดในปีนี้ กล่าวว่า ความคิดที่ว่าเฟดควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนก.ย.เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล ซึ่งสวนทางกับที่สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ แสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 0.88% และหุ้นกลุ่มวัสดุลดลง 0.81% ส่วนหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.55% และหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น 0.5%
หุ้นอินเทล (Intel) พุ่งขึ้น 7.4% หลังจากสื่อรายงานว่ารัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทอินเทล เพื่อให้รัฐบาลเข้าไปถือหุ้นในบริษัทผลิตชิปแห่งนี้
หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ (Cisco Systems) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่าย ปรับตัวลง 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการณ์ที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง
หุ้นเดียร์ แอนด์ โค (Deere & Co) ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การเกษตร ร่วงลง 6.8% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรรายไตรมาสลดลงและได้ปรับลดคาดการณ์กำไรในปีงบการเงิน 2568 ขณะที่หุ้นทาเพสทรี (Tapestry) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกระเป๋าแบรนด์ Coach ดิ่งลง 15.7% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์กำไรปีงบการเงิน 2568 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ บริษัทเดียร์ แอนด์ โค และทาเพสทรี ต่างก็เตือนถึงผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรที่มีต่อผลประกอบการของบริษัท
นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันนี้ (15 ส.ค.) ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดครั้งแรกในรอบ 4 ปีของผู้นำทั้งสอง โดยมีเป้าหมายที่จะยุติสงครามในยูเครน