ไทยสู่สังคมสูงวัยโดยสมบูรณ์
เดินหน้าอย่างไร ในวันที่ผู้สูงอายุกำลังกลายเป็น 1 ใน 3 ของประชากร
ในวันที่โลกกำลังก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ ไทยคือหนึ่งในประเทศที่เดินทางเร็วที่สุด ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะจะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ งบประมาณ สวัสดิการ และความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอีกหลายสิบปีข้างหน้า

ทำไมไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วกว่าที่คิด
อัตราการเกิดที่ลดลงต่อเนื่องร่วมกับความสำเร็จด้านการวางแผนครอบครัวในอดีต ทำให้จำนวนเด็กน้อยลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่ เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยให้คนไทยมีอายุยืนขึ้น
สัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปจึงเพิ่มจาก 6.8% ในปี 2537 ไปสู่ 20% ในปี 2567 ทำให้ไทยเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ วัยเด็กและวัยแรงงานลดลงต่อเนื่อง
และอีกไม่ถึงสิบปีไทยจะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด (Super-aged Society) ซึ่งหมายถึงผู้สูงอายุเกือบหนึ่งในสามของประเทศ
ดัชนีการสูงอายุ–ภาระพึ่งพิง: ต้นทุนสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดัชนีการสูงอายุสะท้อนแรงกดดันสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ
ปัจจุบันไทยมีผู้สูงอายุ 127 คนต่อเด็ก 100 คน ซึ่งต่างจากสามทศวรรษก่อนที่มีเพียง 23 คนต่อเด็ก 100 คน
อัตราส่วนพึ่งพิงวัยสูงอายุยังเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัว วัยทำงาน 100 คนต้องดูแลผู้สูงอายุ 31 คน การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งสัญญาณว่าต้นทุนภาครัฐและภาคครัวเรือนจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
รูปแบบการอยู่อาศัย: ครอบครัวที่เปลี่ยนไป
ผู้สูงอายุที่อยู่อาศัยคนเดียวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากราว 3% ในปี 2537 ไปสู่เกือบ 13% ในปี 2567 สะท้อนว่าครอบครัวไทยกำลังขยับจากครอบครัวขยายไปสู่ครอบครัวเดี่ยวและการอยู่อย่างลำพังมากขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญของการออกแบบสวัสดิการและโครงสร้างชุมชนในอนาคต
ความเป็นอยู่ด้านเศรษฐกิจ: งาน–รายได้–ออม ยังเปราะบาง
ผู้สูงอายุราวหนึ่งในสามยังคงต้องทำงาน โดยสาเหตุสำคัญคือความจำเป็นด้านรายได้
แหล่งเงินหลักยังมาจากบุตร การทำงาน และเบี้ยยังชีพ
ขณะที่สัดส่วนผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำกว่า 50,000 บาทต่อปี มีมากถึงเกือบครึ่งของทั้งหมด
ที่สำคัญ ผู้สูงอายุหลายคนไม่มีเงินออมเลย และในกลุ่มที่ออมได้กว่าครึ่งมีเงินออมต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งไม่เพียงพอต่อการรับมือกับค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในระยะยาว
สุขภาพ: รัฐคือเสาหลัก
กว่า 80% ของผู้สูงอายุมีสิทธิบัตรทอง ซึ่งสะท้อนบทบาทสำคัญของรัฐในฐานะผู้รับภาระค่ารักษาพยาบาลหลักของประเทศ
การมาถึงของสังคมสูงวัยระดับสุดยอดจึงทำให้การวางแผนงบประมาณด้านสุขภาพกลายเป็นโจทย์เชิงยุทธศาสตร์ของทศวรรษหน้า
โลกออนไลน์ – ช่องทางคลายเหงา
จำนวนผู้สูงอายุที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจนแตะเกือบ 10 ล้านคนในปี 2567
แต่ในอีกด้านจำนวนผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ความเสียหายรวมหลายพันล้านบาท
สะท้อนว่าเมื่อผู้สูงอายุเข้าสู่โลกดิจิทัล การคุ้มครองผู้บริโภคและความรู้เท่าทันเทคโนโลยีต้องเดินหน้าไปพร้อมกัน
ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า
อีกไม่นาน เด็กจะมีเพียง 12% วัยแรงงานลดลงเหลือ 50% และผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 30%
การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลโดยตรงต่อระบบบำนาญ การจัดเก็บภาษี และความสามารถในการผลิตของประเทศ
หากไม่ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสวัสดิการตั้งแต่วันนี้ แรงกดดันต่อภาครัฐและภาคเอกชนจะยิ่งรุนแรงขึ้น
โอกาสใหม่ทางเศรษฐกิจ: Silver Economy
ผู้สูงอายุไม่ได้เป็นเพียงภาระ แต่ยังเปิดตลาดใหม่มูลค่าสูง คาดว่าตลาดสินค้าผู้สูงอายุไทยจะมีมูลค่าแตะ 2.6 ล้านล้านบาทภายในปี 2573
สินค้าและบริการที่เติบโตสูงได้แก่ อาหารเฉพาะกลุ่ม ที่อยู่อาศัยผู้สูงวัย การดูแลเชิงป้องกัน การท่องเที่ยว และบริการการเงินที่เหมาะกับผู้สูงอายุ
ปี 2566 มีธุรกิจดูแลผู้สูงอายุจดทะเบียนใหม่ 111 ราย รวมเป็น 679 ราย ทุนจดทะเบียนรวมกว่า 3,400 ล้านบาท
สิ่งที่ไทยต้องเร่งทำ
ไทยจำเป็นต้องออกแบบงานที่เหมาะกับผู้สูงอายุ ส่งเสริมชุมชนที่รองรับการอยู่อาศัยอย่างปลอดภัย กระตุ้นการออมระยะยาว ปรับภาษี การศึกษา และแรงงานให้สอดรับกับโครงสร้างประชากรใหม่
ที่สำคัญต้องสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ผู้สูงวัยมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจเพื่อให้พลังการผลิตของประเทศไม่หายไปพร้อมวัยแรงงานที่ลดลง
ยุคสมัยแห่งความชรา ไม่ใช่อนาคต แต่คือ “วันนี้”
ไทยกำลังก้าวเข้ายุคผู้สูงอายุอย่างเต็มตัวเร็วกว่าที่หลายคนคิด
ตัวเลขทุกด้านชี้ตรงกันว่า ถ้าไม่เร่งลงมือวันนี้
ระบบเศรษฐกิจ–สังคมไทยอาจรับภาระไม่ไหว
แต่ถ้าปรับตัวทัน ไทยมีโอกาสเปลี่ยน “ความชรา” ให้เป็น “พลังเศรษฐกิจใหม่” ได้เช่นกัน
เรื่องและภาพ: สราลี วงษ์เงิน Economist, Bnomics
════════════════
ที่มาเนื้อหา.. Bnomics by Bangkok Bank