ธนาคารกลางทั่วโลก พาเหรดขึ้นดบ.ตามเฟด เร่งแก้ปัญหาเงินเฟ้อ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ธนาคารกลางทั่วโลกได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ ที่เกิดจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และผลกระทบจากสงครามยูเครน โดยเกิดขึ้นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50%-1.75% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

.

โดยในทวีปยุโรป ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 13 ปี โดยมีเป้าหมายสำคัญคือการทำให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัว หลังอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษ เพิ่มขึ้นถึงระดับ 9% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 40 ปี

.

ขณะที่ธนาคารกลางสวิสเซอร์แลนด์ (SNB) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ -0.25% ซึ่งนับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ SNB ในรอบ 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2007 เช่นเดียวกันธนาคารกลางฮังการี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 7.25% หลังจากค่าเงินโฟรินท์ฮังการีอ่อนค่าลง 7% รวมถึงการที่อัตราเงินเฟ้อของฮังการีเพิ่มขึ้นถึงระดับ 10.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่พ.ค.2001

.

ธนาคารกลางในทวีปเอเชียก็ปรับเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 1.50% - 1.75% ซึ่งเป็นการปรับที่สอดคล้องกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และธนาคารกลางไต้หวันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1.25% สู่ระดับ 1.5% หลังอัตราเงินเฟ้อของไต้หวันได้เพิ่มขึ้น 3.39% ในเดือนพ.ค.

.

ส่วนของธนาคารกลางบราซิล ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 13.25% หลังอัตราเงินเฟ้อของบราซิลเพิ่มขึ้นแตะระดับ 11.7% พร้อมส่งสัญญานว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งภายในปีนี้ และธนาคารกลางอาร์เจนติน่า มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3% สู่ระดับ 52% หลังอาร์เจนติน่าเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ

.

ทั้งนี้นักลงทุนต้องจับตาไปที่ผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้