ไตรมาส1แรงซื้อพุ่งทัวริสต์-เทศกาลปลุกมู้ดคึก

เผยไตรมาส 1 กำลังซื้อเติบโตเกินคาด คนไทยแห่จับจ่ายเพิ่ม ตัวเลขทัวริสต์จีนพุ่งกลับสู่ภาวะปกติ ปลุกร้านค้า ร้านอาหารแหล่งท่องเที่ยวคึกคัก มั่นใจอานิสงส์เลือกตั้ง อีเวนต์เทศกาลต่างๆ ดันเงินสะพัด

ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ Fast-Moving Consumer Goods (FMCG) ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่ามีมูลค่ากว่า 8 แสนล้านบาท มีการเติบโตคงที่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าประมาณการของหลายๆ ภาคส่วน ที่เดิมประเมินว่าจะติดลบ จากกำลังซื้อผู้บริโภคที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด กอปรกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีนที่ลดลงอย่างน่าใจหาย ขณะที่ผู้ประกอบการในหลายธุรกิจก็ได้รับผลกระทบจากการเก็บและขึ้นภาษีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บภาษีเครื่องดื่มที่มีค่าความหวานหรือนํ้าตาลมากกว่าที่กฎหมายกำหนด (ภาษีนํ้าหวาน) ภาษียาสูบ ฯลฯ ขณะที่ในไตรมาส 4 ที่เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวจากไฮซีซัน ซึ่งเป็นช่วงเทศกาลแห่งการจับจ่าย ส่งผลดีต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่ถือว่าเติบโตได้ดีเกินเป้าหมายที่วางไว้

เบื้องต้น “นีลเส็น (ประเทศไทย)” ได้ประเมินไว้ว่าตลาด FMCG ที่สะท้อนถึงกำลังการจับจ่ายของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะมีการเติบโตดีทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ส่งผลให้ตลาดรวมมีการ

ปัจจัยเอื้อหนุน Q1 โต

นายจรณชัย ศัลยพงษ์ผู้อำนวยการฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ SPBT บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาพรวมกำลังซื้อของเมืองไทยช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมามองว่าภาพรวมตลาด FMCG นั้นมีการเติบโตที่ดีขึ้น โดยประเมินว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะเป็นครึ่งปีที่ดี ทั้งนี้เริ่มเห็นสัญญาณการเติบโตของตลาดมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมา และปัจจัยที่เอื้อให้ตลาดมีแนวโน้มที่ดีขึ้น มาจากกระแสการเลือกตั้ง ที่จะส่งผลดีต่อมู้ดการจับจ่ายของประชาชน นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการเติบโตของสภาพเศรษฐกิจ ที่ส่งผลให้ประชาชนมีความสุขและเกิดการจับจ่าย ขณะที่เรื่องของเทศกาลสงกรานต์ คืออีกหนึ่งปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ตลาดเครื่องดื่มมีการเติบโตที่ดีในช่วงหน้าร้อนปีนี้เติบโต 3-4% เมื่อเทียบกับปีก่อน 

“เมื่อคนไทยรู้สึกมีความสุขมากขึ้น เมื่อนั้นอัตราการบริโภคหรือการจับจ่ายจะเติบโตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ปัจจัยบวกในเรื่องของเทศกาลต่างๆในช่วงครึ่งปีแรก โดยเฉพาะสงกรานต์ที่จะกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค แน่นอนว่าจะส่งผลให้ภาพรวมกำลังซื้อในครึ่งปีแรกของปีนี้จะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาแน่นอน”

นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาคึก

ด้านนายประพัฒน์  เสียงจันทร์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เบอร์เกอร์ (ประเทศไทย)ฯ ในเครือบริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคในไตรมาสแรกนี้ถือว่าเติบโตดีเห็นได้จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ส่ง ผลให้ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เติบโต รวมถึงธุรกิจดีลิเวอรีที่ได้อานิสงส์จากฝุ่น PM 2.5 ทำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่ง หรือออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน และหันไปใช้การดีลิเวอรีแทน

“วันนี้เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาสู่ภาวะปกติ ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ โดยเฉพาะในแหล่งท่องเที่ยวคึกคักมากขึ้น จากการจับจ่ายใช้สอย ส่งผลต่อเนื่องไปยังธุรกิจอื่นๆ เป็นลูกโซ่ ดังนั้นอนาคตการขยายสาขาใหม่จะมุ่งแหล่งท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยในปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาร้านเบอร์เกอร์คิง 16 แห่ง จะตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว 8 แห่ง หรือประมาณ 50% ของสาขาใหม่ ทำให้เชื่อมั่นได้ว่าจะมียอดขายเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้”

แฟชั่นลุ้นต่อ

ขณะที่นายตามตะวัน แจ่มจำรัส ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายธุรกิจไลเซนส์ บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด ผู้จัดจำหน่ายยีนส์ภายใต้แบรนด์ แรงเลอร์, ลี และลี คูเปอร์ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดแฟชั่นยีนส์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เป็นผลมาจากเทรนด์การจับจ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ภาพรวมกำลังซื้อที่มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ทว่าไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ขณะที่การเข้ามาของฟาสต์แฟชั่นที่หันมาแตกไลน์สินค้าในกลุ่มกางเกงยีนส์เสื้อยีนส์มากขึ้น คืออีกหนึ่งปัจจัยลบที่เข้ามาส่งผลกระทบต่อภาพรวมตลาดยีนส์ให้ทำตลาดได้ยากขึ้น

“ต้องยอมรับว่ากลุ่มสินค้าที่ลูกค้าจะซื้อและจับจ่ายเป็นประจำคือกลุ่มอาหาร ท่องเที่ยว ดูหนัง และ ฟังเพลง ขณะที่สินค้ากลุ่มแฟชั่นคือกลุ่มที่ลูกค้าสามารถรอการจับจ่ายได้ หากอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อนข้างชะลอตัว ดังนั้นช่วงที่กำลัง ซื้อผู้บริโภคชะลอตัวมักจะกระทบกับกลุ่มธุรกิจแฟชั่นอยู่แล้ว” 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก

หน้า 32 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,452 วันที่  14 - 16 มีนาคม พ.ศ. 2562