
"ศูนย์วิจัยกสิกรไทย" คงเป้าส่งออกไปสหรัฐปีนี้ขยายตัว 1.3-2.5% ชี้ภาวะเศรษฐกิจยังคงเติบโตต่อเนื่อง นโยบายภาษี-การค้าทรัมป์ไม่มีผล
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คงคาดการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ในปี 2560 จะสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ที่ขยายตัว 1.3-2.5% มีมูลค่าการส่งออก 24,680-24,980 ล้านดอลลาร์ฯ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตต่อเนื่องไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก
ขณะที่สัญญาณการส่งออกของไทยไปสหรัฐฯ ล่าสุดในเดือนมกราคม 2560 มีมูลค่า 1,931 ล้านดอลลาร์ฯ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานเปรียบเทียบที่ต่ำในปีก่อนทำให้ขยายตัวค่อนข้างดี 9.5% (YoY) หากการส่งออกไปสหรัฐฯ ในเดือนต่อไปรักษาระดับการเติบโตได้ดีต่อเนื่อง รวมทั้งผลการเร่งตัวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรากฏชัดเจนขึ้นก็มีโอกาสที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยอาจจะปรับเพิ่มประมาณการในระยะข้างหน้า
สำหรับการแถลงนโยบายเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสครั้งแรกของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 ยังคงฉายภาพกว้างของนโยบายเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเงินได้นิติบุคคล การลดภาษีเงินได้ให้แก่ชนชั้นกลาง โครงการ “National Rebuilding” หรือการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้วยเม็ดเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์ฯ ภายใต้แผนงานหลัก “Buy American and Hire American” เพื่อกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ ซึ่งผลที่จะตามมายังต้องจับตาห้วงเวลาในการนำนโยบายต่างๆ มาใช้ต่อไป
"การแถลงนโยบายเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสครั้งแรกของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงฉายภาพกว้างของนโยบายเศรษฐกิจ โดยมีท่าทีผ่อนคลายแรงกดดันของการกีดกันทางการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งมาตรการต่างๆ ยังคงไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2560 นี้"
นัยของการแถลงนโยบายในครั้งนี้ได้สะท้อนท่าทีผ่อนคลายแรงกดดันของการกีดกันทางการค้ากับต่างประเทศ จากการประกาศสนับสนุนกรอบการค้าเสรี (Free Trade) แต่ต้องเป็นการค้าที่มีความเป็นธรรม (Fair Trade) ชี้ว่ามาตรการทางการค้าที่สหรัฐฯ จะหยิบยกขึ้นมาจากนี้ไปน่าจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของธุรกิจในประเทศและมีท่าทีรอมชอมมากขึ้น
ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่สหรัฐฯ อาจใช้การเก็บภาษี Border Adjustment Tax (BAT) เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าและการกระตุ้นการส่งออกผ่านการปรับโครงสร้างต้นทุนภาคการผลิต แม้จะยังไม่ระบุรายละเอียดและเงื่อนไขทางภาษีที่ชัดเจน แต่วัตถุประสงค์หลักของนโยบายนี้ไม่เพียงต้องการสนับสนุนให้เกิดการผลิตและใช้วัตถุดิบในประเทศ
แต่ยังมีเป้าหมายที่การกีดกันสินค้านำเข้าจากจีน เม็กซิโก รวมถึงประเทศที่สหรัฐฯ เสียเปรียบทางเศรษฐกิจที่สะท้อนออกมาเป็นมูลค่าการขาดดุลการค้าและมีผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เรื่อยมา โดยเฉพาะการขาดดุลการค้ากับจีนและเม็กซิโกในระดับสูงถึง 3.5 แสนล้านดอลลาร์ฯ และ 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ตามลำดับ