ห้องเม่าปีกเหล็ก

== คิดยังไงกับ IFEC ==

โดย ember
เผยแพร่ :
146 views

ส่วนตัวยังไม่มีหุ้น IFEC ครับ แต่ผมว่ามันดูเป็นการสร้างฉากมากกว่า ทะเลาะกันออกสื่อ ทุบหุ้น มีคนรับตลอดทาง ผมกำลังหาโอกาสจาก IFEC อยู่ ใครมีความเห็นอย่างไรมาแสดงความเห็นกันครับ

*****************************

Credit : Wattana Stock Page

IFEC - ฤาจะเป็นหุ้น "พลังงานไม่สะอาด"
6 มกราคม 2559 / 01.52 น.
***ขอแก้ไขหัวเรื่อง มีคนท้วงติงว่าดูแรงไปนิดนะครับ***

หุ้นพลังงานทางเลือกขวัญใจมหาชน และเป็นที่กล่าวถึงกันมากมายก่อนหน้านี้อย่าง IFEC ไปไปมามา เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นประเด็นให้ขุดคุ้ยได้มากมายขนาดนี้

จากข่าวที่ออกมา สร้างภาพให้นักลงทุนเชื่อว่า ผู้ถือหุ้นใหญ่ "ทะเลาะกัน" สาดโคลนกันไปมา แต่ในฐานะของคนที่อยู่วงนอก ขอตั้งข้อสงสัยนิดนึงว่า

ทะเลาะกันจริงหรือเปล่า???

ประเด็นข้อสงสัยข้อแรก คงต้องมองกันไปที่การซื้อขายหุ้นและการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ของ IFEC ตลอดปี 2559 มีการเปลี่ยนมือกันอย่างสนุกสนานมาก ก็ไม่ใช่ผู้ถือหุ้น 2 รายที่ว่ามีปัญหากันหรอกหรือ? ที่โอนหุ้นกันไปมา ไปมา โดยระบุว่าเป็นการโอนให้ "พันธมิตรทางธุรกิจ"

การโอนหุ้นดังกล่าวเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อเดือน กันยายน ที่ผ่านมาเอง เอ๊ะ กันยายังจูบปากกันดีอยู่เลย ทำไมอยู่ๆธันวาคม เกิดขวางหูขวางตาอะไรกันเข้า ทำไมทะเลาะกันเฉยเลย

ที่สำคัญ ทั้งสองคนก็มีการเทขายหุ้น IFEC ออกมาในช่วงเวลาที่ใกล้ๆกัน ถ้าทะเลาะกันจริง ทำไมถึงขายพร้อมกันทั้งคู่

เอ๊ะ หรืออะไร ยังไง??

ในระหว่างนั้น ก็มีชื่อของ "ตาอยู่" ที่ไหนก็ไม่รู้ ที่ไม่เคยมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้น IFEC มาเลยก่อนหน้านี้ ซึ่งเขาเป็นถึงเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม มากัน 2 คน เก็บหุ้นคนละ 4% กว่าๆ และหลังจากนั้นก็ซื้อเพิ่มจนเกิน 5% จนต้องมีการรายงานให้กับตลาดทราบ

ตอนปิดสมุดทะเบียนล่าสุดเมื่อเดือน เมษายน 2559 ยังไม่มีชื่อของบุคคล 2 คนนี้เป็นผู้ถือหุ้น IFEC เลย แสดงว่า ต้องออกอาการมั่นอกมั่นใจอะไรจริงๆในตัว IFEC ถึงได้กล้าเข้าเก็บหุ้นเฉียด 5%

ข้อสงสัยอีกอย่างหนึ่งของผมก็คือ

ทำไมต้องถือ 10.213%?? ทำไมต้องเปิดเผยตัวตน?? จะถือ 2 คน คนละ 4.99% ก็มีหุ้น 9.98% แล้ว มันต่างกับ 10.213% ตรงไหน??

ทำไมต้องซื้อให้เกิน 5% เพื่อให้มีข่าวแจ้งตลาดว่า "ฉันซื้อเกิน 5% แล้วนะ" ทำไปเพื่ออะไร แล้วท้ายที่สุดก็มีการโอนหุ้นเปลี่ยนมือมารวมไว้ที่บุคคลเดียว ให้ถือ 10.213%

ผมสงสัยตรงที่ว่า ผู้ถือหุ้นรายนี้ "ไม่มีความจำเป็น" ต้องเปิดเผยตัวตนออกมาในเวลานี้ เพราะการเข้าซื้อในเวลาเช่นนี้ คนที่เข้ามาซื้อ น่าจะต้องระแคะระคายอะไรบางอย่างบ้างแล้วเกี่ยวกับการทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นเดิม (ถ้าทะเลาะกันจริงนะ)

ถ้าเป็นผม ผมอยู่ในเงามืดเงียบๆรอดูคน 2 คน ตีกันไม่ดีกว่าหรือ? จะมาอยู่ในที่แจ้งไปทำไม จริงมั้ย??

เหมือนคนเขียนบทจะ "จงใจ" ให้ตัวละครสองตัวใหม่ เผยโฉมหน้าให้คนเห็นในจังหวะที่จะมีข่าวเรื่องการทะเลาะกันของผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อให้เกิดประเด็นว่า "มีคนต้องการหุ้น IFEC" นะ

เห็นมั้ยล่ะ ว่าแค่เรื่องของการเปลี่ยนมือของหุ้น ก็มีอะไรที่มันชวนให้พิศวง งงงวย กันแล้ว

เอ้า!!! มาต่อกันประเด็นที่ 2 - การผิดนัดชำระตั๋ว B/E

ถ้าเราไปดูงบการเงินของ IFEC จะเห็นเลยว่า หนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมันก็ไม่น่าแปลกหรอก เพราะบริษัทมีการลงทุนในโครงการพลังงานทางเลือกต่างๆมากมาย ผลประกอบการก็ดูดี๊ ดูดี

IFEC เป็นหุ้นทางเลือกตัวหนึ่งที่นักวิเคราะห์หลายสำนักเชียร์กันอย่างมากมาโดยตลอด

แต่นี่คุณเป็นบริษัทขนาดใหญ่นะครับ!!! แต่ละปี มันต้องมีทำ budgeting กันล่วงหน้าอยู่แล้วมิใช่หรือ?? ว่าจะมีเงินเข้ามาจากตรงไหน และจะต้องชำระเงินในส่วนไหนบ้าง

การผิดนัดชำระเช่นนี้ ทำให้เครดิตของบริษัท "เสื่อมเสีย" ลงอย่างมาก ซึ่งบริษัททั่วไปเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้

โอ้ว พระเจ้า!!! ตั๋ว B/E ยังผิดนัด แต่มีปัญญาซื้อ "ดาราเทวี" มาพร้อมกับหนี้ก้อนโตก่อนหน้านี้เนี่ยนะ มันตุๆมั้ย?? ไอ้เรื่องดาราเทวี เดี๋ยวเราต้องมาต่อกันอยู่แล้ว ขอเรื่องนี้ให้จบก่อน

การผิดนัดชำระตั๋ว B/E ที่มูลค่ารวมเท่าที่เห็นตอนนี้ก็ 300 ล้านบาท (ข่าวว่ามีเยอะกว่านี้) มันไม่น่าจะ "เพิ่งมาเห็น" กันตอนที่มันจะผิดนัด

ฝ่ายการเงินของบริษัทย่อมต้องการมีการประเมิน cashflow เอาไว้และต้องรู้อยู่แล้วว่า จะมี หรือไม่มี

ถ้ามันเกิดจากการ mismatch กันของ cashflow คือ เงินที่เข้ามันมาไม่ทัน แบบนี้เลี่ยงไปใช้เงินกู้ระยะสั้นจากธนาคารก็น่าจะพอไหว เอามาชำระไปก่อน แล้วพอเงินเข้าก็เอาไปจ่ายได้นี่นา

อืมม แต่เขาอ้างว่า เป็นปัญหาทางด้านเทคนิค คือ ทะเลาะกันจนไม่มีคนเซ็นจ่ายเงิน ถ้าเป็นเช่นนี้จริง มันก็ขัดกับการที่มีผู้ถือหุ้นหน้าใหม่มาเปิดเผยตัวตนนะ เพราะปัญหาแบบนี้ มันต้องรู้กันบ้างอยู่แล้ว มันคงไม่ใช่เพิ่งมาทะเลาะกันวันนี้

ก่อนที่ผู้ถือหุ้นรายใหม่จะดอดเข้ามาซื้อจนถึง 10% นั่น ไม่ได้วิเคราะห์อะไรเข้าไปในตัว IFEC ก่อนเลยหรือ??

ประเด็นเรื่องการปล่อยให้เกิดการ default บนตั๋ว B/E จึงมีความไม่สมเหตุสมผลกับเรื่องของผู้ถือหุ้นที่เข้ามาใหม่อยู่ดี

ประเด็นสุดท้าย เรื่อง ดาราเทวี - ฤาจะเป็นการไซฟ่อน??

"IFEC ปลื้ม ดาราเทวีหลุดจากแผนฟื้นฟูกิจการหลัง IFEC เข้าซื้อโรงแรม" นี่คือพาดหัวข่าวที่เราเห็นกันก่อนหน้านี้

มันจะไม่ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการได้อย่างไร ก็ "ดาราเทวี" มันหาคนซื้ออยู่ ถ้ามีคนซื้อ ไม่ว่าจะใครก็ตาม ดาราเทวี ก็ออกจากแผนฟื้นฟูได้ทั้งนั้น

จำ BIG ได้ไหม ที่ก่อนหน้านี้ก็ใช้วิธี backdoor listing จากบริษัทที่เข้าแผนฟื้นฟูกิจการ อย่าง SUN

SUN ก็เหมือนของเน่าๆที่วางอยู่บนชั้น อยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการ และแล้วก็มีนายหน้ามือดี นำพาเอา BIG Camera มาเจอกับ SUN และตกลงกันได้

จากนั้นก็มีการเพิ่มทุนนู่นนี่นั่น จน BIG Camera มาถือหุ้นใหญ่ใน SUN จน SUN กลายเป็นของ BIG และจากนั้นมันก็หลุดจากการฟื้นฟูกิจการ และกลับมาเทรดเป็นหุ้น BIG ในปัจจุบันนี้

ดาราเทวีก็เหมือน SUN นั่นล่ะ คือเป็นโรงแรมที่ "ขาดทุน" จนต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ และหนึ่งในทางที่จะทำให้ "ดาราเทวี" หลุดจากแผนฟื้นฟูกิจการได้ก็คือ "การขายให้คนอื่น"

และผู้โชคดีรายนั้นก็คือ IFEC!!!!!

ตัวแปรสำคัญของดีลลักษณะนี้คือ "นายหน้า"

นายหน้ามีความสำคัญมาก เพราะเป็นตัวชักนำให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้มาพบกันจนทำให้ดีลประสบความสำเร็จ ดังนั้น นายหน้า มักจะได้ค่าตอบแทนที่ "สูงลิ่ว"

ย้อนกลับไปดูดีลของ BIG กับ SUN กันอีกที ก่อนที่จะจะขายหุ้นให้กับ BIG นั้น ผมเคยอ่านดู มีการขายหุ้นให้กับบุคคลคนหนึ่งก่อนที่จะผ่านมาถึงมือของ BIG (ถ้าใครยังพอหาได้ อยากให้ลองไปอ่านดูนะ) คนนั้นน่ะครับ คือ "นายหน้า"

ทีนี้ พอจะเทียบเคียงกับกรณี IFEC กับ ดาราเทวี ได้หรือยังครับ??

ถ้าใครไปอ่านดูเรื่องราวของการฟื้นฟูกิจการของ "ดาราเทวี" จะเห็นเลยว่า มีแต่คนอยากเป็นเจ้าหนี้ดาราเทวีกันทั้งนั้น การขายหนี้ก่อนหน้านี้ก็มีการฟ้องร้องกันสนุกสนาน แต่ไปไปมาๆ เจ้าหนี้หลักเหลืออยู่แค่ไม่กี่ราย เป็นสถาบันการเงินรายหนึ่ง และรายใหญ่อีกรายคือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ โกลบอลวัน ซึ่งผมพยายามหาดูก็ไม่ทราบว่า บบส. โกลบอลวัน ไปซื้อหนี้ของดาราเทวีมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

แผนฟื้นฟูกิจการนี้ IFEC ได้เข้าไปลงทุนในดาราเทวี และสวมสิทธิการเป็นเจ้าหนี้โดยเอาบริษัทลูกตัวเองมาเป็นเจ้าหนี้จำนวน 860 ล้านบาท และเหลือหนี้ในส่วนของโกลบอล วัน อีก 950 ล้านบาท

ถ้า "ดาราเทวี" นั้นดีจริงๆ ทำไมเครือโรงแรมใหญ่ๆ หรือบริษัทที่มีศักยภาพอื่นๆ ถึงไม่ได้ไป ทำไมถึงตกมาอยู่ในมือของ IFEC ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจพลังงาน!!!!

ผมถึงเกริ่นมาว่า ดีลลักษณะนี้ "นายหน้า" คือบุคคลผู้มีความสำคัญมากไงล่ะ

***ผมมีการลบข้อมูลส่วนนี้ทิ้งและปรับปรุงใหม่นะครับ เพราะว่ามันลงรายละเอียดมากเกินไป****

การที่ก่อนหน้านี้ผู้ถือหุ้นหน้าเดิมๆ ผู้บริหารหน้าเดิมๆ ก็เป็นคนเห็นดีเห็นงามในการเข้าซื้อกิจการของ ดาราเทวี ซึ่งแน่นอนว่า ดีลลักษณะนี้ มันไม่ได้ลอยมาเอง มันต้องมีคนมา "เสนอ"

การเข้าซื้อธุรกิจโรงแรมทั้งๆที่ตัวเองทำธุรกิจพลังงาน มันดูเป็นเรื่องแปลกประหลาดทีเดียว เพราะมันแทบหาความเกี่ยวข้องกันไม่ได้

งานนี้เหมือนมีใครจงใจดึง IFEC เข้าไปมีเอี่ยวกับดีลดาราเทวี เพื่อหาประโยชน์ตั้งแต่แรกอยู่แล้วหรือเปล่า??

จากแผนตอนแรกผู้ถือหุ้นตอนยังจูบปากกันอยู่ ก็ต่างออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะทำดาราเทวีให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่มาวันนี้ ปรากฏว่า ให้กลับให้ข่าวว่า หากมีใครต้องการซื้อ "ดาราเทวี" ก็จะขาย!!!

เฮ้ย เพิ่งซื้อมาปลายปี 2558 ไม่ใช่เหรอ แล้วตอนซื้อก็ไม่ใช่ว่าจะถูก เรียกว่าซื้อของแพงก็ว่าได้ พอตอนนี้บอกจะขาย

แถมยังมีการขุดคุ้ยอีกว่า ของที่บอกว่าเป็นของดาราเทวีมาขายน่ะ รายได้ไม่ได้เข้าโรงแรมโดยตรงนะ แต่มีการตั้งบริษัทขึ้นมาเป็นตัวกลางอีกหนึ่ง อ้าว แสดงว่ามีคนเปิดบริษัทดักกินหัวคิวสิ แล้วบริษัทนี้มีมานานเท่าไหร่แล้ว??

ตั้งแต่ก่อนที่ IFEC จะเข้าไปซื้อกิจการดาราเทวีหรือไม่?? ถ้ามีมาก่อน ตอนตัดสินใจเข้าซื้อ ทำไมไม่สงสัย

ท้ายสุด ที่ว่าผู้บริหารเดิมลาออกจากกรรมการบริษัทย่อยน่ะ ก็ลาไม่หมดนะ ลาออก 40 บริษัท เหลือเอาไว้อีก 4 บริษัทซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับดีล "ดาราเทวี" ทั้งหมดที่ไม่ยอมออก

แสดงว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ IFEC ทั้งหมด มันน่าจะต้องวนเวียนอยู่กับดีลดาราเทวีแน่ๆ

เขาตัดสินใจซื้อ "ดาราเทวี" ทำไม??

เขาทะเลาะกัน จริงหรือไม่??

ผู้ถือหุ้นรายใหม่ เข้ามาเพื่ออะไร?? รีบเปิดเผยตัวตอนนี้ทำไม??

บอกได้คำเดียว เหมือนดู ช่องเจ็ด

***คือมันมีเรื่องอยากเขียนอีกนะครับ แต่พอดีกว่า เสี่ยงเกิน***


ember