น้ำหวานหนึ่งแก้ว…อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตสุขภาพและเศรษฐกิจ
น้ำตาลทุกช้อนชาที่เรากินเข้าไป...ไม่ใช่แค่ทำร้ายสุขภาพ แต่มันกัดกินโอกาสทางเศรษฐกิจโดยที่เราไม่รู้ตัว
การบริโภคน้ำตาลเกินความจำเป็นคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น
โรคอ้วน
เบาหวาน
ความดันสูง
โรคหัวใจและหลอดเลือด
ทุกปี NCDs คร่าชีวิตคนไทยราว 4 แสนราย
และทำให้เศรษฐกิจไทยสูญเสีย 1.64 ล้านล้านบาท/ปี = 10% ของ GDP
น้ำตาลในชีวิตจริง มากกว่าที่คิดหลายเท่า
WHO แนะนำ: น้ำตาลไม่เกิน 6 ช้อนชา/วัน
คนไทยในปี 2560 บริโภคถึง 27 ช้อนชา/วัน
แม้จะลดลงเหลือ 23 ช้อนชา/วัน ในปี 2564…
แต่ก็ยัง มากกว่ามาตรฐานถึง 4 เท่า
ภาษีความหวาน = เครื่องมือสร้างพฤติกรรมใหม่
ไทยเริ่มเก็บภาษีความหวานตั้งแต่ปี 2560
โดยจัดเก็บตามระดับน้ำตาลในเครื่องดื่ม
ในปี 2568 (ระยะที่ 4) จะเก็บสูงสุด 6 บาท/ลิตร กับเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลมากที่สุด

ผลลัพธ์?
• การบริโภคหวานลดลง: จาก 370 ➝ 305 มล./คน/วัน
• เครื่องดื่มหวานน้อย (น้ำตาลต่ำกว่า 6 กรัม) เพิ่มขึ้นจาก 90 ➝ 4,800 ล้านลิตร
•รายได้ภาษีลดลง สะท้อนพฤติกรรมที่เปลี่ยน: จาก 3,200 ➝ 2,800 ล้านบาท
ทั่วโลกเดินหน้าสู่สังคม “หวานน้อย”
ฝรั่งเศส: น้ำตาลในเครื่องดื่มลดลง 30–70%
เม็กซิโก: การบริโภคน้ำตาลลดลง 7.5%
ฟิลิปปินส์: เปลี่ยนจาก HFCS ➝ น้ำตาลธรรมชาติ ทำให้เกิดการขาดตลาด
อินเดีย: ภาษีสูงถึง 28% ➝ ผู้ผลิตหันไปใช้ผลไม้
สหรัฐฯ: เก็บภาษีในบางเมือง เช่น Berkeley และ Philadelphia
บทสรุปที่เราควรคิด:
สุขภาพที่ดี…ไม่ใช่เรื่องของใครคนเดียว
ภาษีความหวานอาจไม่ใช่ยาวิเศษ แต่คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง
ในวันที่ต้นทุนสุขภาพกลายเป็นต้นทุนเศรษฐกิจ เราทุกคนมีส่วนร่วมในการเลือก...ว่าอยากจ่ายด้วย “เงินภาษี” หรือ “สุขภาพของเรา”
รู้หรือไม่…
น้ำตาล: เคยเป็นของหรูหราเทียบเท่าทองคำ
ในยุคโบราณ น้ำตาลไม่ได้อยู่ในขนม แต่ “อยู่ในห้องนิรภัย”
• ศตวรรษที่ 16–17 น้ำตาลเป็นของฟุ่มเฟือยเฉพาะชนชั้นสูงในยุโรป
• อังกฤษเรียกมันว่า white gold
• น้ำตาล 1 ปอนด์ มีราคาเท่ากับเงินเดือนของชาวนาทั้งเดือน
ไม่มีน้ำตาล ไม่ได้แปลว่า ไม่มีจริงๆ
• เครื่องดื่ม น้ำอัดลม อาหารแปรรูป มักมีน้ำตาลแฝง
• แม้จะเขียนว่า “ไม่มีน้ำตาล” (no sugar added) แต่ยังมี น้ำตาลธรรมชาติ ซ่อนอยู่
• คนจำนวนมากไม่รู้ว่าโยเกิร์ตรสผลไม้มีน้ำตาลเท่า ๆ กับน้ำอัดลมกระป๋อง!
ชาไข่มุก 1 แก้ว = น้ำตาล 8–12 ช้อนชา
(เฉลี่ยเกินกว่าที่ WHO แนะนำต่อวันไปแล้ว!)
• แปลว่า "แค่ดื่ม 1 แก้ว = เกินโควต้าทั้งวัน"
นอร์เวย์เก็บภาษีน้ำตาลมาตั้งแต่ปี 1922
• ไม่ใช่เพราะสุขภาพ แต่เพื่อ “หารายได้รัฐ” หลังสงครามโลก
• กลายเป็นต้นแบบด้าน public finance ที่พลิกมาใช้ใน health policy
น้ำตาลกับความทรงจำในวัยเด็ก
ความหวานกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก การปลอบใจ และการเฉลิมฉลอง
ขนมสายไหม น้ำแดง น้ำหวานเขียว น้ำแข็งใส – ทุกอย่างเกี่ยวกับ “ความสุข” ในวัยเด็ก
พฤติกรรมหวานซ้ำซ้อน: สมองเราติดน้ำตาลโดยไม่รู้ตัว
• น้ำตาลกระตุ้น dopamine ในสมองเหมือนยาเสพติด
• นักวิทยาศาสตร์พบว่า “การเลิกน้ำตาล” ทำให้เกิดอาการถอนคล้ายการเลิกบุหรี่
• นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ความชอบ” แต่เป็นเรื่องของ “วงจรสมอง”
• ทำไมหลายคนถึง “อดข้าวได้ แต่ขาดหวานไม่ได้”?
เรื่องและภาพ: กรรวี วงษ์ศิริเลิศ Economist, Bnomics
════════════════
ที่มาเนื้อหา.. Bnomics by Bangkok Bank