ห้องเม่าปีกเหล็ก

ถอดบทเรียนจีนขัดแย้งญี่ปุ่นประสบการณ์จากมหาอำนาจ

โดย ตา กะ ยาย
เผยแพร่ :
52 views

ถอดบทเรียนจีนขัดแย้งญี่ปุ่นประสบการณ์จากมหาอำนาจ

สองสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นถือเป็นข่าวใหญ่ที่คนไทยให้ความสนใจ ด้วยความรู้สึกสนิทสนมใกล้ชิดกับทั้งสองประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับหนึ่งและสองของเอเชีย

จีนกับญี่ปุ่นเป็นประเทศเพื่อนบ้านและเคยมีข้อพิพาทดินแดนกันเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ ความขัดแย้งรอบนี้ไม่ใช่เรื่องพรมแดนโดยตรงแต่เป็นเรื่องไต้หวันซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว ขณะที่ไทยก็มีปัญหากับกัมพูชา สะท้อนว่า บ้านเรือนเคียงกันเหมือนลิ้นกับฟันต้องกระทบกระทั่งกันการหาทางลงแบบไม่เสียหน้าทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องสำคัญ
    จุดเริ่มต้นประเด็นญี่ปุ่น-จีนรอบนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ในรัฐสภาญี่ปุ่น เมื่อนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ตอบกระทู้สดในสภาครั้งแรก ส.ส.ฝ่ายค้านถามว่าสถานการณ์เกี่ยวกับไต้หวันแบบใดจึงจะถือว่าเป็นภัยต่อความอยู่รอดของญี่ปุ่น เธอตอบว่า เมื่อมีการสู้รบและใช้กำลัง  ความเห็นดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้กับรัฐบาลปักกิ่ง เกิดการแสดงออกด้วยวาทกรรมรุนแรงในรูปแบบต่างๆ เช่น กงสุลจีน ณ นครโอซากา โพสต์ X ขู่ตัดศีรษะนายกฯ ญี่ปุ่น แต่ตอนหลังได้ลบโพสต์นี้ไป นักวิเคราะห์การเมืองสายชาตินิยมชื่อดังรายหนึ่งเรียกเธอว่า “แม่มดชั่วร้าย” บัญชี X ของกองทัพจีนโพสต์รูปทาคาอิจิเผารัฐธรรมนูญญี่ปุ่น การแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดผ่านโซเชียลมีเดียกลายเป็นวิธีการตอบโต้ปกติในปัจจุบันไปแล้ว  เคสไทย-กัมพูชาก็เช่นเดียวกัน

 

    ในแง่มาตรการตอบโต้ จีนเตือนประชาชนงดเดินทางไปญี่ปุ่น สายการบินจีนหลายสายประกาศคืนเงินค่าตั๋วโดยสารให้ลูกค้า มีการคืนตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นประมาณ 500,000 ใบ ล่าสุดจีนประกาศห้ามนำเข้าอาหารทะเลญี่ปุ่นทั้งๆ ที่เพิ่งอนุญาตได้ไม่นาน โดยอ้างเหตุผลเรื่องการปล่อยน้ำเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เมื่อวันอังคารญี่ปุ่นส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงไปคุยกับเจ้าหน้าที่จีนถึงกรุงปักกิ่ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า สิ่งสำคัญที่จีนต้องการคือขอให้นายกฯ ทาคาอิจิถอนคำพูด แต่ทางการญี่ปุ่นบอกว่าไม่ถอน ท่าทีของรัฐบาลโตเกียวต่อเรื่องไต้หวันไม่เปลี่ยนแปลง

  เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกเปรียบเทียบกับความบาดหมางรุนแรงแรงในปี 2012 ชนวนเหตุอยู่ที่หมู่เกาะเซ็นกากุหรือหมู่เกาะเตี้ยวหยูในทะเลจีนตะวันออก เล่นเอาผู้นำสองประเทศไม่พบกันเลยเป็นเวลาสองปีครึ่ง จนกระทั่งนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะและประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกันครั้งแรกในเดือน พ.ย.2014 ในการประชุมผู้นำเอเปคที่กรุงปักกิ่ง แน่นอนว่าการเจอกันอาจดูแปร่งๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยหลายปัจจัยความสัมพันธ์ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ที่เล่าเรื่องนี้ก็เพื่อชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องปรับสัมพันธ์ ในช่วงที่ประเด็นไทย-กัมพูชายังไม่จบ มีเรื่องจีน-ญี่ปุ่นมาให้ดูก็ดีเหมือนกันจะได้เรียนรู้วิธีแก้ปัญหาของมหาอำนาจ ดังคำคมที่ว่า “คนเก่งเรียนรู้จากประสบการณ์ของตนเอง คนฉลาดเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น”

 

 

ที่มา..  https://www.bangkokbiznews.com/blogs/business/economic/1208560

 


ตา กะ ยาย