ห้องเม่าปีกเหล็ก

หุ้น P/E เกิน 100 เท่า กูรูชี้เสี่ยงสูง-ไร้รีเสิร์ชรองรับ

โดย stock-news
เผยแพร่ :
65 views

ประเด็นร้อน:เปิดโผ 27 หุ้น P/E เกิน 100 เท่า กูรูชี้เสี่ยงสูง-ไร้รีเสิร์ชรองรับ 

 


 

 

          อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(P/E) เป็นตัวเลขที่สำคัญลำดับต้นๆ สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะเป็นหนึ่งในเครื่องมือชี้วัดความถูก-แพงของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) เป็นที่รู้กันดีว่าค่ายิ่งน้อยยิ่งดี ไม่ควรเกินค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยหรือกลุ่มอุตสาหกรรมที่บริษัทนั้นๆสังกัดอยู่ สอดคล้องกับความเห็นของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร นักลงทุนหุ้นคุณค่า(VI)รุ่นใหญ่ของวงการที่ระบุว่า "หุ้นที่มี P/E สูงเกินปกติไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้นไปเท่านั้น"


          จากการรวบรวมข้อมูลของ"สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย"พบว่าปัจจุบันมีหุ้นไทยหลายบริษัทที่ซื้อขายกันบน P/E สูงลิบ ตั้งแต่ระดับเกิน 50 เท่า จนถึง 2,400 เท่า(อิงตัวเลขกำไร ณ สิ้นปี 59) โดยไร้พื้นฐานที่ดีสนับสนุน ซึ่งอาจสะท้อนภาพว่ามีการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มนี้มากเกินไปหรือไม่?

 

*** พบ 27 บจ. P/E พุ่งทะลุ 100 เท่า


          ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ปัจจุบันมีราคาหุ้นของบจ.ถึง 27 บริษัทที่ซื้อขายบนค่า P/E สูงเกิน 100 เท่า ทั้งๆที่ ดัชนีหุ้นไทยล่าสุดซื้อขายบน P/E ที่ 17.42 เท่า หรืออุตสหกรรมที่มีค่า P/E สูงสุดอย่างกลุ่มเหล็กก็อยู่ที่เพียง 48.50 เท่า 


           และเมื่อเจาะลึกเข้าไปในรายละเอียดพบว่า มี 2 บริษัทมีค่า P/E สูงถึง 2,494.25 เท่า และ 1,899.12 เท่า คือ บมจ.การบินไทย (THAI) และ บมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS) ตามลำดับ


           ขณะเดียวกันมีอีก 2 บริษัทที่มีค่า P/E เกิน 500 เท่า ได้แก่ บมจ.เอเชียโฮเต็ล อยู่ระดับ 662.66 เท่า และ บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) ที่ระดับ 645.06 เท่า โดยหุ้นที่มีค่า P/E สูงมาก ทั้ง 27 บริษัทมีดังต่อไปนี้ 

 

ตารางแสดงหุ้นที่มีค่า P/E เกิน 100 เท่า

บริษัท

P/E (เท่า)

กำไรสุทธิปี 59 (ล้านบาท)

บมจ.การบินไทย (THAI)

2,494.25

15.14

บมจ.โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น (FOCUS)

1,899.12

0.12

บมจ.เอเชียโฮเต็ล (ASIA)

662.66

3.53

บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN)

645.06

1.57

บมจ.บ้านร็อคการ์เด้น (BROCK)

480.92

5.46

บมจ.ไทย-เยอรมัน โปรดักส์ (TGPRO)

462.18

4.29

บมจ.แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ (GRAND)

445.97

5.90

บมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP)

414.99

55.05

บมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (SMT)

387.48

12.95

บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART)

216.33

71.18

บมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN)

211.82

3.81

บมจ.สิงห์ เอสเตท (S)

195.24

170.23

บมจ.ธีระมงคล อุตสาหกรรม (TMI)

193.54

4.68

บมจ.เออาร์ไอพี (ARIP)

188.91

1.85

บมจ.ซีซีเอ็น-เทค (CCN)

165.98

9.28

บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J)

158.67

5.65

บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP)

147.42

11.83

บมจ.อมตะ วีเอ็น (AMATAV)

138.89

49.82

บมจ.ริชี่ เพลซ 2002(RICHY)

138.31

9.26

บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC)

138.20

8.42

บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW)

129.09

32.53

บมจ.ยูเอซี โกลบอล (UAC)

122.75

29.64

บมจ.ซีเอ็ดยูเคชั่น (SE-ED)

121.72

12.37

บมจ.ซุปเปอร์บล๊อก (SUPER)

117.23

361.62

บมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK)

113.04

198.63

บมจ.โอเอชทีแอล (OHTL)

103.84

152.67

บมจ.เอเซียไฟเบอร์ (AFC)*

100.90

7.95 

 

*AFC งบ ณ ไตรมาส2/60 (สิ้นสุด 31/12/59 )

 

*** ตลท.เตือนระวังกำไรโตไม่ทันความคาดหวัง


           ดร.สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. ระบุว่า สาเหตุหลักที่หุ้นหลายบริษัทมีค่า P/E สูงเกิน 100 เท่า มาจากความคาดหวังของนักลงทุนว่ากำไรของ บจ.เหล่านั้นจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต ซึ่งอาจจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานของบริษัทในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเข้ามาซื้อหุ้นจนผลักดันให้ราคาสูงขึ้นไป 


          ทั้งนี้ มองว่าจำนวนหุ้นที่มีค่า P/E เกิน 100 เท่า ถือว่าเป็นสัดส่วนน้อยเมื่อเทียบกับจำนวน บจ.ทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ และยังไม่มีนัยใดให้ต้องแสดงความกังวลแต่ให้นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังและศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน


          ด้าน นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน แนะนำให้หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มนี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง


          "แม้บางบริษัทจะมีแนวโน้มที่ดีในแง่ของการเทิร์นอะราวด์ แต่ราคาหุ้นที่ถูกผลักดันด้วยความคาดหวังล่วงหน้าจนทำให้ P/E สูงเกินไปกว่า 100 เท่า ความน่าสนใจแง่Valuation หรืออัพไซด์ก็คงมีจำกัด"


          เช่นเดียวกับ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ที่เตือนไว้สั้นๆ ว่า "หุ้นที่ P/E สูงขนาดนั้น เกิดจากความหวังว่าอนาคตมันจะดี แต่อนาคตนั้นไม่แน่นอน หากไม่เป็นอย่างที่หวังราคาหุ้นก็จะตอบสนองในทางลบอย่างมีนัยเช่นกัน จริงอยู่หุ้นลัษณะนี้อาจจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่าปกติในบางช่วง แต่ในบางช่วงหุ้นก็อาจจะตกจนแทบจะเป็นหายนะเลยก็ได้ ผมเองต้องสารภาพว่าไม่กล้าที่จะลงทุนในหุ้นที่มีค่า P/E สูงลิ่ว เพราะในชีวิตการลงทุนผมนั้นสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือหายนะ"

 

*** พบ 18 บจ.ไร้บทวิเคราะห์รองรับ


           นักวิเคราะห์ บล.เออีซี แนะนำว่า "หากคิดจะลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ ให้หลีกเลี่ยงบริษัทที่ไม่มีโบรกเกอร์ทำบทวิเคราะห์ เพราะความคาดหวังที่เกิดขึ้นจะหาข้อเท็จจริงรองรับยาก ซึ่งถ้าหุ้นที่มีแนวโน้มการเติบโตดี จะมีนักวิเคราะห์ให้ความสนใจเสมอ เหมือนเป็นด่านแรกในการคัดกรองหุ้นให้กับนักลงทุน ยิ่งหากหุ้นใดราคาขยับขึ้นแบบไร้เหตุผล มีแต่ข่าวลือ ไม่มีประกาศข้อมูลจากบริษัทอย่างเป็นทางการ ยิ่งอันตราย"


           ซึ่งเมื่อตรวจสอบพบว่า 27 บจ.ข้างต้น มีถึง 18 แห่งที่ไม่มีบทวิเคราะห์รองรับ ประกอบด้วย FOCUS, ASIA, OCEAN, BROCK, TGPRO, GRAND, MANRIN, TMI,ARIP, CCN, J, CCP, TCC, CHOW, UAC, SE-ED, OHTL และ AFC


           นอกจากนี้เขายังแนะนำอีกว่า ให้ระมัดระวังภาวะการหดตัวของอัตราส่วน P/E  (PE Contraction) อย่างรวดเร็ว เพราะปัจจุบันนักลงทุนให้ความสนใจเรื่อง Valuationมากขึ้น โดยจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นทันทีหากเกิดข่าวหรือเหตุการณ์ใดๆ ที่มีผลต่อพื้นฐานที่นักลงทุนคาดหวังไว้ ซึ่งเกิดขึ้นไปแล้วกับหุ้นบางตัว เช่น กรณี บมจ.กรุ๊ปลีส (GL)เมื่อเดือนที่ผ่านมา

 

*** หุ้นพื้นฐานดีไม่ควรมี P/E เกิน 50 เท่า


           "อนุรักษ์ บุญแสวง" หรือ โจ ลูกอีสาน นายกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (VI) กล่าวเพิ่มเติมว่า หุ้นที่มีพื้นฐานดีไม่ควรมี P/E เกิน 50 เท่า แม้จะมีบางบริษัทที่อยู่ในทิศทางการเทิร์นอะราวด์ แต่ในแง่ของ Valuation หุ้นที่มี P/E สูงขนาดนั้นถือว่าไม่สมเหตุสมผล


           "ไม่มีหุ้นพื้นฐานดีที่ไหนจะมี P/E สูงขนาดนั้นหรอก แม้บางบริษัทจะมีแผนงานที่ดีและมีแนวโน้มว่าจะเทิร์นอะราวด์ได้ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมามีน้อยมากที่กำไรของบริษัทในกลุ่มนี้จะเติบโตได้รวดเร็วตามค่า P/E ส่วนใหญ่ก็แค่โตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยบ้างเท่านั้น


           ซึ่งเมื่อดูจากหุ้น 27 บริษัทข้างต้นก็จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นบริษัทที่เล่นกันตามข่าวลือต่างๆ มากกว่า เช่น ข่าวการเปลี่ยนธุรกิจ ข่าวการเทกโอเวอร์หรือถูกเทคโอเวอร์ดันราคาหุ้นจนไปไกลกว่าพื้นฐานค่อนข้างมาก แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีท้อเท็จจริงให้เห็นเป็นรูปธรรม


           การแห่เข้าไปซื้อหุ้นเหล่านี้ด้วยความคาดหวังว่าจะมีการก้าวกระโดดของกำไรถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก หากอยากลงทุนหุ้นเทิร์นอะราวด์ ก็ให้หากลุ่มที่ยังไม่แพงเกินไปและศึกษาข้อมูลให้ลึกให้ชัวร์ ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย"โจ ลูกอีสาน กล่าว

 

ที่มา : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- 


stock-news