หาจังหวะซื้อ 3 หุ้นเด่น
เมื่อผลงานกำลังผ่านจุดต่ำสุดแล้ว

.
ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ค่อนข้างมีความผันผวนเป็นอย่างมาก ด้วยปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่เข้ารุมเร้าต่อภาวะการลงทุน ซึ่งในวันนี้ทาง Wealthy Thai ก็มีมุมมองการลงทุนที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์จากนักวิเคราะห์ มาแบ่งปันให้แก่ผู้อ่านและนักลงทุนกันในครั้งนี้
.
โดยบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองว่า ตลาดหุ้นไทยอยู่ระหว่างเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งและยังรอดูงบไตรมาส 1/66 ของกลุ่มภาคเศรษฐกิจจริง หรือภาคการผลิตจริง (Real Sector) ซึ่งกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ “Selective Buy” ในธีมที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หนึ่งในธีมหุ้นที่น่าสนใจก็คือ KCE ,MINT และ AOT แนะนำรอจังหวะซื้อหลังประกาศงบที่คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/66 จะเป็นจุดต่ำสุดของปีนี้และมีสัญญาณฟื้นตัวในไตรมาส 2/66
.
[ สำรวจบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน ]
สำหรับ KCE บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำแนะนำ “ถือ” กำหนดราคาเหมาะสมที่ 43 บาท โดยคาดว่าผลประกอบการของไตรมาส 1/66 จะต่ำสุดและจะดีขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปี เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง โดยจะมีช่วงเหลื่อมเวลาประมาณ 1-2 ไตรมาส ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้นจากกลับมาการตุนสต็อกหลังจากที่สายโซ่อุปทานคลายความตึงตัวลงและประสิทธิภาพการผลิตที่ขึ้นจากสายการผลิตล่าสุด
.
ขณะที่ MINT บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ให้คำแนะนำ “ซื้อ” กำหนดราคาเหมาะสมที่ 43.50 บาท โดยผลประกอบการไตรมาส 1/66 เป็นจุดต่ำสุดของปีและแนวโน้มไตรมาส 2/66 จะฟื้นตัวเด่นจากไตรมาสก่อนหน้าและปีก่อนหน้า
.
ด้วยปัจจัยหนุนจาก NHHOTEL ที่เข้าสู่ไฮซีซั่นของธุรกิจ อิงจากตัวเลขการจองเข้าพักล่วงหน้าของบริษัทที่ยังเห็นการเดินทางจากลูกค้ากลุ่ม Leisure ที่แข็งแกร่งและจำนวนกลุ่มลูกค้า Corporate ที่เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ช่วงครึ่งปีหลังปี 66 จะได้แรงส่งจากการฟื้นตัวเด่นของโรงแรมในไทยและธุรกิจอาหารในจีนที่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง จึงประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 6.4 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 219%
.
สุดท้าย AOT บทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ให้คำแนะนำ “Trading Buy” และกำหนดราคาเหมาะสม 78 บาท โดยแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 3/66 (เม.ย.-มิ.ย.66) จะฟื้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะอยู่ที่ 2,563 ล้านบาท ฟื้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2,207 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 55%
.
ตามปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินมีแนวโน้มฟื้นต่อเนื่อง หลังจีนเปิดประเทศเมื่อเดือน ก.พ.-มี.ค.66 และจะสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการในสนามบินตั้งแต่สิ้นเดือน มี.ค.66 นอกจากนี้คาดปริมาณผู้โดยสารและเที่ยวบินจะฟื้นต่อเนื่องไปยังไตรมาส 4/66 จึงคาดกำไรสุทธิปี 66 จะอยู่ที่ 8,886 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 11,088 ล้านบาท