ห้องเม่าปีกเหล็ก

เทรนด์การเลือกสินทรัพย์ "ระยะสั้น" และ "ระยะยาว"

โดย หญิงแม้น
เผยแพร่ :
60 views

มองการลงทุนครบทั้ง “ระยะสั้น” & “ระยะยาว”…ช่วยรับมือและสร้างโอกาสลงทุนไปพร้อมๆ กัน !!!

เข้าสู่ครึ่งหลังของปี พร้อมกับสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศที่เปลี่ยนไปในทางที่ ‘ดีขึ้น’ และ ‘แย่ลง’ คงไม่ต้องพูดถึงกันมากว่าสถานการณ์โควิด19 เป็นอย่างไรโดยเฉพาะในบ้านเรา แต่ที่น่าพูดถึงอย่างมากคือเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงปีหน้า จากการระบาดยังคงรุนแรงของสายพันธ์ใหม่ นำมาซึ่งการควบคุมการประกอบธุรกิจที่กระทบเศรษฐกิจในระดับกลางถึงระดับล่างเพิ่มขึ้นไปอีก


“ความหวังใน ‘การเปิดเศรษฐกิจ’ ของประเทศไทยยังถูกจับตามองต่อเนื่อง ซึ่งหากมองไปที่ต่างประเทศ แม้จะคงเผชิญการระบาดให้เห็นอยู่หลายประเทศ แต่ก็เห็นสัญญาณการเริ่มกลับมาฟื้นตัวเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ผู้ชมที่เข้าไปเชียร์ทีมชาติตนเองในการแข่งฟุตบอลยูโร, การเดินทางภายในประเทศของสหรัฐฯ ที่เริ่มกลับมาพร้อมๆ กับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเรื่องขึ้นดอกเบี้ยและการลด QE ที่สะท้อนว่าการคุมการระบาดและการฉีดวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพจนเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจอย่างมาก”


ดังนั้นด้านการหาผลตอบแทนจาก “การลงทุนตลาดต่างประเทศ” ดูมีความน่าสนใจมากขึ้นอย่างแน่นอน อย่างที่เคยได้กล่าวไว้ในตอนที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าขณะนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มกลับมาฟื้นตัวความไม่แน่นอนยังมีอยู่สูง การเปิดเศรษฐกิจรับการลงทุนและเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศยัง “ถูกจำกัดอยู่” โดยเฉพาะใน ‘เอเชีย’ และ ‘ไทย’


“การลงทุนจึงมีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบกดดันอยู่ แต่หากพิจารณากลยุทธ์ในเวลานี้ ควรมองการลงทุนทั้งใน ‘ระยะสั้น’ และ ‘ระยะยาว’ เพื่อเป็นทั้งการรับมือและสร้างโอกาสลงทุนไปพร้อมๆ กัน”

โดย “การลงทุนระยะสั้น” ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงของไทยมีความเสี่ยงที่จะเกิดแรงขายได้อยู่เสมอเพราะการระบาดที่รุนแรงของสายพันธ์เดลต้าในประเทศที่คาดว่าจะระบาดรุนแรงขึ้นและอาจกระทบระบบเศรษฐกิจให้ปรับตัวลงไปอีก ทิศทางการลงทุนระยะสั้น 3-6 เดือน  ต้องเน้นหุ้นกลุ่มที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งกับกลุ่มที่มีปัจจัยบวก/ลบจากสถานการณ์การระบาดในช่วงสั้น


“กลุ่มที่ได้รับปัจจัยบวก เช่น หุ้นกลุ่มพลังงาน, ส่งออก, กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์, กลุ่มแพคเกจจิ้งและในกลุ่มที่ได้รับปัจจัยลบจนราคาถูกเทขายในช่วงที่ผ่านมาและจะมีการฟื้นตัวในลำดับถัดไปอย่าง โรงพยาบาล, ห้างสรรพสินค้า ซึ่งการลงทุนควรพิจารณาถือเงินสดส่วนหนึ่งเพื่อรอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาปรับตัวลงมา”  


รวมไปถึงสินทรัพย์อย่าง “หุ้นกู้เอกชน” ที่มีเรตติ้งในระดับที่น่าลงทุน ส่วนต่างประเทศภูมิภาคสหรัฐฯ ,จีน, ยุโรป ยังน่าสนใจแต่ต้องเลือกธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงสั้น แต่ต้องระมัดระวังเนื่องจากเป็นการลงทุนในระยะสั้นทำความผันผวนยังมีค่อนข้างมากนักลงทุนต้องปรับการลงทุนให้ไวกับจังหวะตลาด


ส่วน “การลงทุนระยะยาว” ในช่วง 3-5 ปี เน้นการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตสูงคือ การลงทุนหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั่วโลก ที่เปลี่ยนแปลงและเติบโตสูงอย่างแน่นอนหลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการใช้จ่ายออนไลน์, การใช้เทคโลยีในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น รถยนต์, วีดิโอเกมส์, ความบันเทิง, การแพทย์ รวมถึง กลุ่มพลังงานสะอาด ยังแนะนำอสังหาริมทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศที่จะกลับให้ผลตอบแทนน่าสนใจหลังสถานการณ์คลี่คลายเช่นกัน


“สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเวลานี้อาจทำให้ ‘ตลาดหุ้น’ มีความน่าสนใจลดลงไปเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่ก็ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วโลกอยู่เสมอ เมื่อมองดูแล้วเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นการฟื้นตัวกลับมาอย่างเต็มที่คงเป็นไปได้ค่อนข้างยากเมื่อพิจารณาถึงการระบาดที่รุนแรงและการแก้ปัญหาในปัจจุบัน แม้ภาคเศรษฐกิจบางส่วนยังได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว แต่ก็ทดแทนภาคส่วนที่เสียหายไปไม่ได้ เศรษฐกิจของประเทศไม่ได้เติบโตมาส่วนใดส่วนหนึ่งแต่เติบโตและเดินหน้าได้เพราะเศรษฐกิจระดับล่างถึงระดับบน”


“ความเชื่อมั่น” คือปัจจัยสำคัญ ซึ่งจะนำกลับมาได้ด้วยการแก้ปัญหาวิกฤตที่ถูกจุดและการจัดลำดับความสำคัญที่ต้องทำอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้การแก้ปัญหายิ่งกลายเป็นสร้างวิกฤตซ้ำเข้าไปอีก

 

ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก


หญิงแม้น