SCC ความท้าทายจะดำเนินต่อไปในปีหน้า
ยังเป็นปีที่ท้าทาย ทุกหน่วยธุรกิจของ SCC ยังคงต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ท้าทายในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 และตลอดปี 2567 โดยผู้บริหารคาดว่าส่วนต่างราคาโอเลฟินส์จะยังคงใกล้เคียงกับต้นทุนที่เป็นเงินสดในครึ่งหลังของปี 2566 จากอุปทานที่ล้นตลาดอย่างต่อเนื่องและสภาวะราคาน้ำมันที่สูง
ทั้งนี้ วัฏจักรอุตสาหกรรม PE คาดว่าจะปรับดีขึ้นหลังช่วงกลางปี 2567 ในขณะที่ส่วนต่างราคา PP จะฟื้นตัวในปี 2568 โดยธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังเผชิญกับปัญหาอุปสงค์ที่อ่อนแอของภูมิภาคอาเซียน อันเป็นผลมาจากความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐของไทย ปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างในอินโดนีเซีย และนโยบายสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่เข้มงวดขึ้นในเวียดนาม
ขณะเดียวกันธุรกิจบรรจุภัณฑ์จะฟื้นตัวได้เล็กน้อย เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น SCC จะยังคงเข้มงวดในการลงทุนและมีแผนลดต้นทุนการดำเนินงานต่อเนื่อง แต่ในส่วนการขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ HVA และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจะยังคงดำเนินต่อไป
คาดกำไรไตรมาส 3/2566 จะลดลง QoQ เราคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2566 ของ SCC จะอยู่ที่ 3.2 พันลบ. ลดลง 61% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 31% YoY ซึ่งกำไรที่ลดลงเชิง QoQ เป็นผลมาจากส่วนต่างราคา PE และ PP ที่ปรับลดลง 12-15% ปริมาณการขายของธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM) และธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ลดลงตามฤดูกาล และรายได้จากเงินปันผลที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นเชิง YoY คาดว่าจะมาจากผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันที่พลิกเป็นกำไร 1.1 พันลบ. เป็นหลัก ทั้งนี้ หากอิงจากประมาณการดังกล่าว กำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้น่าจะอยู่ที่ 2.78 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 31% YoY คิดเป็น 93% ของประมาณการปี 2566 ใหม่ของเรา
คงคำแนะนำ “ถือ” โดยปรับราคาเป้าหมายลงเล็กน้อยเป็น 314.0 บาท เรามองว่ายังเร็วเกินไปที่ลงทุนในหุ้นปิโตรเคมีจากวัฏจักรขาลงอุตสาหกรรมอาจยืดออกไป
