Tesla Motor จ้าวแห่งรถพลังไฟฟ้า ณ เวลานี้คือเบอร์หนึ่งของโลกอย่างแท้จริง
แม้จะเพิ่งก่อตั้งได้เพียงสิบกว่าปี แต่ชื่อเสียงของ Tesla Motor ก็ตีขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของผู้นำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างรวดเร็วและลอยลำ แม้ว่าค่ายรถอื่น ๆ จะเริ่มหันมาพัฒนารถพลังไฟฟ้าของตัวเองขึ้นมา
แต่ในตอนนี้ก็ต้องบอกว่ายังไม่มีใครบังอาจมาโค่นบัลลังก์ของเทสล่าลงได้ ไม่ว่าจะเป็น Nissan Leaf (2018), Volkswagen e-Golf รุ่นใหม่, Chevy Bolt, Audi R8 E-Tron, Audi Q6 E-Tron SUV, Aston Martin DBX, Porsche Pajun ฯลฯ สารพัดรุ่นที่แต่ละค่ายส่งมายังเทียบเทสล่าไม่ติด
สูตรความสำเร็จของ Tesla Motor
สูตรสู่ความสำเร็จของเทสล่าไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนอะไรนัก เทสล่าเลือกใช้เซลล์แบตเตอรี่ลิเทียมที่ให้ความหนาแน่นพลังงานสูงสุด ในราคาที่ต่ำที่สุด ทำขึ้นเป็นแพ็กรูปสี่เหลี่ยมติดตั้งที่พื้นห้องโดยสาร แก้ปัญหาพลังงานต่ำ ด้วยการใช้มันเป็นจำนวนมาก วางตำแหน่งมอเตอร์ไฟฟ้า อินเวอร์เตอร์ และเกียร์รีดักชั่น ไว้ที่ส่วนล้อหลัง ด้วยโครงสร้างเช่นนี้ทำให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงต่ำ แต่ความเฉื่อยในการหมุนสูง อันเป็นสองคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดในการบังคับรถ
ระบบขับเคลื่อนส่งกำลังยังถูกออกแบบมาเรียบง่าย ไม่กินพื้นที่ในแนวตั้งมากมาย ทำให้เหลือพื้นที่สำหรับเล่นกับการดีไซน์รูปร่างหน้าตาของรถอย่างเต็มที่ ส่วนพื้นห้องโดยสารก็เรียบ ด้านในจึงไม่อึดอัด ขณะที่กระโปรงหน้ายังมีพื้นที่สำหรับเป็นห้องเก็บสัมภาระได้ด้วย
และสิ่งสุดยอดที่สำคัญที่สุดที่ทำให้เทสล่าเป็นรถยนต์พลังงานไฟ้ฟ้าที่น่าพิสมัยกว่าใคร ๆ คือโครงข่ายสถานี "ซูเปอร์ชาร์จจิ้ง" ที่มีให้บริการ "ฟรี" ไม่ต้องขับกลับไปชาร์จที่บ้านเท่านั้นอีกต่อไป เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจที่สุดสำหรับนักขับพลังงานไฟฟ้าที่ชอบเดินทาง และในตอนนี้เทสล่าก็จ่อขยายพันธมิตรสถานีพลังงาน ให้มีติดตั้งอยู่ตามจุดหมายปลายทางการเดินทางต่าง ๆ อย่างการเซ็นสัญญากับโรงแรมให้ติดตั้งจุดชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้าไว้ในลานจอดรถของตัวเอง เป็นต้น
..Tesla ซึ่งกำลังพัฒนารถไฟฟ้าที่สามารถขับเคลื่อนได้โดยไม่มีคนขับ มีขนาดในตลาดหุ้นใหญ่กว่า Ford ประมาณ 10 กว่า% ($49.30B เทียบกับ $43.88B) ทั้งที่ในปีที่แล้วขายรถได้จำนวนคันที่น้อยกว่าถึง 30กว่าเท่า (76,320 คัน เทียบกับ 2,502,973 คัน)
น่าสนใจว่า "มูลค่า" ที่นักลงทุนมอบความไว้วางใจให้กับ "วิสัยทัศน์" "ความสามารถ" และ"ความทะเยอทะยาน"ของผู้ก่อตั้ง Tesla อย่าง Elon Musk อย่างมากมายในวันนี้ จะเป็นอย่างไรในอนาคต ซึ่งถ้า Elon Musk ทำได้สำเร็จ โลกคงจะเปลี่ยนไปอย่างที่พวกเราเองคงนึกไม่ถึง แต่ถ้า Tesla ไปได้ไม่ใกล้เคียงกับสิ่งที่นักลงทุนคาดหวัง เรื่องนี้ก็คงจะเป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่น่าเศร้าจากตลาดหุ้น
Only time will tell...
Source : www.kapook.com, Nuttachat Kumsiritrakul