เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวและปรับตัวดีขึ้นหลังจากลงไปตํ่าสุดในช่วงต้นปี พ.ศ 2559 โดยในปี พ.ศ 2560 คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะโต 3.8%
เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น เศรษฐกิจอเมริกาโต 1.5% ใน ปี พ.ศ 2559 และ คาดว่าจะโต 3% ใน ปี พ.ศ 2560 และ เป้าหมายคือ 4.00 - 4.50% ในอีก 2 - 3 ปี ข้างหน้า จากการคาดหวังของนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล Donald Trump เนื่องจากเศรษฐกิจอเมริกามีแนวโน้มจะเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ทําให้ Downjones ขึ้นไปทํา All Time High อยุ่เรือยๆ และ ทําให้ FOMC มีแนวโน้มจะปรับดอกเบี้ยนโยบาย ( Fed Fund Rate ) อีกหนึ่งครั้งใน ปี พ.ศ 2560 หลังจากปรับขึ้นมาแล้ว 2 ครั้ง โดยคาดว่าจะปรับในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ 2560 และ คาดว่าจะปรับ 3 ครั้ง ต่อ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 เป็นต้นไป อัตราการว่างงานของสหรัฐอเมริกาปัจจุบันอยู่ที 4.1% ซึ่งตํ่าสุดในรอบ 17 ปี ตั้งแต่ ปี ค.ศ 2000
เศรษฐกิจยูโรโซนโต 1.7% ใน ปี พ.ศ 2559 และ คาดว่าจะโต 1.5 - 1.6% ในอีก 5 ปีข้างหน้า อัตราการว่างงานอยู่ที่ 9.5% ต่อแรงงานรวม การอัดฉีดสภาพคล่องปัจจุบันอยู่ที่ 6 หมื่นล้านยูโร ต่อ เดือน และ จะลดเป็น 3 หมื่นล้านยูโร ต่อ เดือน ในเดือนมกราคม ปี พ.ศ 2561 ไปจนถึง เดือนกันยายน ปี พ.ศ 2561 และ จะยุติการอัดฉีดสภาพคล่องตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2561 เป็นต้นไป อัตรารับฝากจากธนาคารพาณิชย์อยู่ที่ -0.40% สําหรับผู้นําเศรษฐกิจในยูโรโซน คือ เศรษฐกิจเยอรมนี
เศรษฐกิจของอังกฤษปรับตัวดีขึ้น จากการที่ธนาคารอังกฤษได้ปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกในรอบ 10 ปี เมื่อเร็วๆ นี้จาก 0.25% เป็น 0.50% และ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษปัจจุบันอยู่ที่ 3.00%
เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังเติบโตตํ่าอย่างต่อเนื่องประมาณ 0.50% ต่อ ปี ดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ -0.10% หนี้สาธารณะอยู่ที 250% ของ GDP ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลก ประชากรในวัยเกษียนอยู่ในอัตราที่สูง การอัดฉีดสภาพคล่องปัจจุบันอยู่ที่ 80 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี, คาดว่าจะลดลงเป็น 60 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี ใน ปี พ.ศ 2561, คาดว่าจะลดลงเป็น 40 ล้านล้าน เยน ต่อ ปี ใน ปี พ.ศ 2562 และคาดว่าจะยุติการอัดฉีดสภาพคล่องใน ปี พ.ศ 2563 เป็นต้นไป จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น จึงคาดว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะโต 1.9% ในปี พ.ศ 2560
เศรษฐกิจจีนอยู่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายจากการโตจากภาคการลงทุนและการผลิตมาเป็นภาคการบริโภคภายในประเทศและภาคบริการ เศรษฐกิจจีนน่าจะโตตํ่ากว่า 7% ต่อเนื่องจาก ปี พ.ศ 2558 จนถึง ปี พ.ศ 2564 หลังจากที่โตเกิน 7% ก่อนหน้า ปี พ.ศ 2558
เศรษฐกิจไทยน่าจะโตดีใน ปี พ.ศ 2560 ที่ 3.8% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ในช่วงต้นปีที่ 3.2% และ คาดว่าจะโตเกิน 4% ตั้งแต่ ปี 2561 เป็นต้นไป จนถึงปี พ.ศ 2564 ทั้งนี้การเติบโตของไทยมาจากภาคส่งออกและท่องเที่ยวเป็นหลัก โดยการส่งออกในปี พ.ศ 2560 น่าจะโตถึง 8% ซึ่งสูงสุดในรอบ 5 ปีเพราะได้รับอานิสงค์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว ส่วนการท่องเทียวใน ปี พ.ศ 2560 นี้น่าจะถึง 34 ล้าน คน ซึ่ง 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดเป็นนักท่องเทียวจากจีน และในอนาคตตลาดคาดหวังการลงทุนของภาครัฐและเอกชนจากนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล คสช. เฃ้ามาเสริม ดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 1.5% โดยคงที่มา 4 ปีเศษแล้ว และคาดว่าจะเริ่มปรับตัวขึ้นตั้งแต่กลางปีหน้าคือปี พ.ศ 2561 เป็นต้นไป ตามการปรับตัวของ Fed Fund Rate