ห้องเม่าปีกเหล็ก

กองทุุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( RUANG-A-NUNTt HEDGE FUND )

โดย ศักดิ์
เผยแพร่ :
88 views

กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์  (  RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ( ตอนที่ 1 ) :

ก่อนอื่น ผู้โพสต์ขอเรียนให้ทุกท่านที่สนใจได้รับทราบว่า คําว่า " กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ ( หรือ RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) " นั้น ผู้โพสต์จะหมายถึง " แบบจําลอง " เท่านั้น โดยยังไม่ได้จดทะเบียนจัดตั้งแบบเป็นทางการไดๆทั้งสิ้น

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในต่างประเทศโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาและยุโรป กองทุนประกันความเสี่ยง หรือ HEDGE FUND เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเหมาะสําหรับนักลงทุนที่ชอบลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงเช่น Derivatives เป็นต้น แต่ก็ให้ผลตอบแทนสูงเช่นเดียวกัน ถ้าลงทุนได้อย่างถูกทิศถูกทาง เช่น Quantum Fund หรือ Soros Fund Management ของ George Soros ในปัจจุบัน และ Bridgewater Associates ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์กองที่ใหญ่ที่สุดในโลก ของ Ray Dalio เป็นต้น

ในประเทศไทยนั้น มีกฎหมายรับรองการออกกองทุนประกันความเสี่ยงแล้วตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ปี พ.ศ 2560 เป็นต้นมา แต่เนื่องจากนักลงทุนชาวไทยไม่ค่อยนิยมกัน เพราะความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นนั่นเอง  อย่างไรก็ตาม ผู้โพสต์คาดว่า กองทุนประกันความเสี่ยง หรือ HEDGE FUND นั้น มีโอกาสที่จะเป็นที่นิยมในประเทศไทยได้ในอนาคตถ้ากองทุนประเภทนี้ประสบผลสําเร็จและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ลงทุน

 

ผู้โพสต์จึงขอนําเสนอแบบจําลองของกองทุนประกันความเสี่ยงที่ตัวผู้โพสต์เองมีแนวความคิดที่จะก่อตั้งขึ้นมาในอนาคตชื่อ " กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ " หรือ " RUANG-A-NUNT HEDGE FUND"  เพื่อนํามาอ้างอิงเฉพาะผลตอบแทนใน Webboard ของ www.stock2morrow.com  และใน Blogger ส่วนตัวของผู้โพสต์คือ  longtunbysak.blogspot.com ก่อนเท่านั้น และในอนาคตถ้าได้ผลตอบแทนดีและประสบผลสําเร็จ ผู้โพสต์จึงจะทําการก่อตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป

สําหรับการลงทุนในช่วง 10 ปีแรกของกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์ (  RUANG-A-NUNT HEDGE FUND  )  จะเป็นไปตามแผนการ ดังนี้ คือ :

1) ลงทุนในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ เพราะ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และมีผลทําให้มีการย้ายฐานการลงทุนจากจีนไปยังประเทศอื่นๆรวมทั้งประเทศไทยด้วย และสุดท้ายจะไปกดดันให้รัฐบาลไทยเริงผลักดันโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท และเขตเศรษฐกิอีอีซี ( EEC ) และจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างโดยรวม โดยลงทุนช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 ไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2563  และเพราะตลาดอยู่ในสภาวะกระทิงเนื่องจากดอกเบี้ย Fed Fund Rate เป็นขาขึ้นรอบใหญ่

2) ชอร์ต Set 50 Derivatives ในช่วงครึ่งแรกไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2564 เมื่อฟองสบู่โลกแตก แล้วทําให้ Fed Fund Rate  มีทิศทางปรับตัวเป็นขาลงรอบใหญ่ ซึ่งจะทําให้ตลาดหุ้นอยู่ในสภาวะหมี เนื่องจากเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้นไปยังตลาดตราสารหนี้

3) ลงทุนในธุรกิจถ่านหินขาขึ้นรอบใหญ่ ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2565 ไปจนถึงครึ่งหลังของปี พ.ศ 2570 ตามทิศทางเศรษฐกิจจีนขาขึ้นรอบใหญ่ อนึ่ง คําว่าลงทุนในธุรกิจถ่านหินนั้น ผู้โพสต์จะหมายถึงลงทุนในหุ้นกลุ่มถ่านหินรายตัว หรือ Long อนุพันธ์ของหุ้นกลุ่มถ่านหินรายตัวหรือดัชนีถ่านหิน อย่างไดอย่างหนึ่ง หรือ ทั้งสองอย่าง

หมายเหตุ : 1) คําว่า  " Set 50 Derivatives" หมายถึง " Set 50 Index Futures หรือ Set 50 Index Options อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือ ทั้งสองอย่าง "

                 2) หมายกําหนดการดังกล่าวข้างต้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์  (  RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ( ตอนที่ 2 ) :

และ ถ้าประสบผลสําเร็จและได้ผลดีในช่วง 10 ปีแรก ผู้โพสต์ก็จะขยายออกไปเป็น 30 ปี ตามหลักการและแผนการลงทุนในวัฏจักรเศรษฐกิจและธุรกิจขาขึ้นและขาลงรอบใหญ่ ดังนี้ คือ :

1) ตัวอย่างของการลงทุนแบบมุ่งเน้นที่ประสบความสําเร็จในอดีตย้อนหลังไป 58 ปี จนถึงปัจจุบัน :

1.1) ชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์   10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1960 - 1970 ( ขาขึ้นรอบใหญ่)

1.2) สินค้าโภคภัณฑ์           10 ปี  ตั้งแต่ปี ค.ศ 1970 - 1980 ( ขาขึ้นรอบใหญ่)

1.3) หุ้นในตลาดหุ้น Nikkei  10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1980 - 1990 ( ขาขึ้นรอบใหญ่ )

1.4) หุ้นดอดคอม                 10 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1990 - 2000 ( ขาขึ้นรอบใหญ่)

1.5) ทองคํา                        11 ปี  ตั้งแต่ปี ค.ศ 2000 - 2011 ( ขาขึ้นรอบใหญ่)

1.6) หุ้น Apple Inc.              8 ปี  ตั้งแต่ปี ค.ศ 2011 - 2019 ( ขาขึ้นรอบใหญ่)

หมายความว่า " ถ้าเราซื้อหุ้นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ในปี ค.ศ 1960 แล้วขายในปี พ.ศ 1970 แล้วซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ในปี ค.ศ 1970 แล้วขายในปี ค.ศ 1980 แล้วซื้อหุ้นในตลาดหุ้น Nikkei ในปี ค.ศ 1980 แล้วขายในปี ค.ศ 1990 แล้วซื้อหุ้นดอดคอมในปี ค.ศ 1990 แล้วขายในปี ค.ศ 2000 แล้วซื้อทองคําในปี ค.ศ 2000 แล้วขายในปี ค.ศ 2011 แล้วซื้อหุ้น Apple Inc.ในปี ค.ศ 2011 แล้วถือมาจนถึงปัจจุบันคือปี ค.ศ 2019 โดยมีระยะเวลาการลงทุน 59 ปี เราจะรวยไม่รู้เรื่องเลยตอนนี้ แต่ถ้าเรากระจายการลงทุนในปี ค.ศ 1960 และ ซื้อหุ้นแบบเฉลี่ย เราจะไม่ได้เงินเลยเมื่อห้าสิบเก้าปีผ่านไป ไช่ เราสามารถกระจายการลงทุนและเราจะปลอดภัย แต่เราจะไม่มีทางรวย ( อ้างอิงและดัดแปลงมาจากบางส่วนบางตอนในหนังสือ STREET SMARTS โดย จิม โรเจอร์ เรื่องการลงทุนแบบมุ่งเน้น ) "

Charles Dawin ผู้ให้กําเนิดทฤษฎีวิวัฒนาการกล่าวไว้ว่า " สิ่งที่มีชีวิตในโลกนี้ สามารถอยู่รอดได้ ไม่ไช่ เพราะ ความที่เขาแข็งแรงและฉลาดที่สุด แต่เป็นเพราะเขาสามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปได้ต่างหาก "

และ ถ้านับจากการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โลกได้ผ่านพ้นความรุ่งเรืองของอุตสาหกรรมหลักต่างๆในอดีตมาแล้วไม่ว่าจะเป็นรถไฟ รถยนต์ เครื่องบิน สายการบิน ค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรม ท่องเที่ยว โทรศัพท์บ้าน โทรศัพท์มือถือ นํ้ามัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เดินเรือ รับเหมาก่อสร้าง ธนาคารพาณิชย์ ประกันชีวิต ประกันภัย อาหาร เครื่องดื่ม สิ่งพิมพ์ สินค้าอิเลคโทรนิกส์ เข่น ตู้เย็น พัดลม โทรทัศน์ แอร์ คอมพิวเตอร์ เป็นต้น และ ได้เข้าสู่อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce โดยสมบูรณ์ ซึ่งทําให้บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลก 5 อันดับแรกในปัจจุบันได้แก่ Apple,  Amazon, Google, Microsoft และ Facebook

อุตสาหกรรม Internet, Social Media และ E-Commerce น่าจะยังคงครองความยิ่งใหญ่ในโลกนี้ไปอีกซัก 10 ปี ต่อจากนั้นก็น่าจะเป็นยุคของ Renewable Energy และ Electric Vehecle เมื่อมีการพัฒนาระบบ Storage จนมีประสิทธิภาพในการกักเก็บกระแสไฟฟ้าได้สูงสุด และ เมื่อถึงตอนนั้น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Fossil Fuel เช่น นํ้ามัน ก๊าซธรมชาติ และ ถ่านหิน ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้

ต่อจากนั้นอีก 10 ปี ก็น่าจะเป็นยุค Cryptocurrency จะมาครองโลก และ เมื่อถึงตอนนั้น ธนาคารพานิชย์ก็น่าจะสูญพันธ์ไปจากโลกนี้ เฉกเช่นเดียวกันกับ Kodak ที่ได้สูญพันธ์ไป และ ถูกแทนที่ด้วย Instragram ยังไงก็ยังงั้น!

2) เพราะฉะนั้น แผนการลงทุนของผู้โพสต์ 10 ปี ก็น่าจะขยายขอบข่ายออกไปอีกตามอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในอนาคตเป็น 30 ปี ดังนี้ คือ :

2.1) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในประเทศไทย 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ  2561 - 2563 ( คาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่ )

2.2) ฟองสบู่โลกแตก                              1 ปี คือในปี พ.ศ 2564            ( คาดว่าน่าจะเป็นขาลงรอบใหญ่  )

2.3) ถ่านหิน                                           6 ปี  ตั้งแต่ปี พ.ศ  2565 - 2570 ( คาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่  )

2.4) Renewable Energy และ EV          10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2571 - 2580 ( คาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่  )

2.5) Cryptocurrency                           10 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2581 - 2590 ( คาดว่าน่าจะเป็นขาขึ้นรอบใหญ่  )

หมายเหตุ : 1) หมายกําหนดการดังกล่าวข้างต้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในอนาคต

                  2) ผู้โพสต์ขอเรียนชี้แจงเพิ่มเติมว่าอาจจะมี Technology อื่นๆที่กําลังพัฒนาและมีแนวโน้มที่จะมีศักยภาพในอนาคต เช่น AI หรือ Artificial Intelligence,Drone,Hyperloop และ  SpaceX  แต่ก็ยังอยู่ในช่วงจับตามองของผู้โพสต์อยู่ และมาถึงณ. ตอนนี้ ผู้โพสต์ยังคิดว่าว่าธุรกิจดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้ ไม่น่าจะยิ่งใหญ่เท่า ( Renewable Energy และ EV ) และ Cryptocurrency ในอนาคต 

 

กองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์  (  RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) ( ตอนที่ 3 ) :

ผลตอบแทนของแบบจําลองของกองทุนประกันความเสี่ยงเรืองอนันต์  (  RUANG-A-NUNT HEDGE FUND ) เป็น ดังนี้ คือ 

1) ปี พ.ศ 2561 : +19.30% จากหุ้น STEC ที่ราคาตํ่าสุดในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 ที่ 17.10 บาท เมื่อวันที่ 30 เมษายน ปี พ.ศ 2561 มาปิดที่ 20.40 บาท เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 

2) ปี พ.ศ 2562 : +9.80% จากหุ้น STEC ที่ราคาปิดของปี พ.ศ 2561 ที่ 20.40 บาท เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 มาปิดที่ 22.40 บาท เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ปี พ.ศ 2562

ซึ่งยังเป็นผลตอบแทนที่สูงกว่าเป้าหมายที่ 11.30% ต่อ ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ 2561 - 2590 


ศักดิ์