โบรกคาด DELTA ครึ่งปีหลังค่าใช้จ่ายเพิ่ม จับตาภาษีสหรัฐอาจกระทบยอดขาย
- นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังของ DELTA จะมีค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นตามยอดขายของบริษัทแม่ที่เพิ่มขึ้น
- ต้องจับตาดูประเด็นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อยอดขายได้ในอนาคต
- ในไตรมาส 2/68 ค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้น โดยส่วนหนึ่งมาจากการจ่ายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ 10% ให้ลูกค้าไปก่อน และยังมีการตั้งสำรองลูกหนี้ 2.6 ล้านเหรียญ
- ค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้น +12% q-q โดยส่วนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการถูกฟ้องร้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐฯ
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า หุ้น DELTA ไตรมาส 2/68 กำไรสุทธิหดตัว แต่ยอดขายยังโตได้ดีกว่าคาด ซึ่งกำไรสุทธิ 4,629 ล้านบาท หดตัว -29.5% y-y และ -15.7% q-q ต่ำกว่าคาดราว 6% แม้ยอดขายจะโตกว่าคาด แต่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลง และค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นยอดขายรวม อยู่ที่ 1,334 ล้านเหรียญ +18% y-y และ +7% q-q ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ฟื้นตัวทั้ง y-y และ q-q มีเพียงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ EV ที่ยังหดตัว -7% y-y แต่ดีขึ้น +2% q-q
ส่วนกลุ่มสินค้าหลัก Power Electronic 56% ของยอดขาย ยอดขายขยายตัว +23% y-y และ +4% q-q ผลักดันด้วยการขยายตัวของการลงทุนด้าน Data center และ AI ต่อเนื่องทั่วโลก เช่นเดียวกับกลุ่ม Infrastructure สัดส่วน 19% ยอดขายโต +46% y-y +25% q-q จากยอดขายที่เกี่ยวข้องกับ Data center ที่เติบโตมากซึ่งงานส่วนใหญ่เป็นงานโครงการที่มีการส่งมอบจำนวนมาก รวมถึงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบ Networking ด้วยที่โตได้ รวมถึงกลุ่ม Automation สัดส่วน 3% ที่ยอดขายเติบโตดี +37% y-y และ +12% q-q
ด้าน ค่าเงินบาทที่แข็งค่า +10% y-y และ +2.5% q-q ทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นจึงลดลงจาก 25.4% ไตรมาสก่อนเป็น 25.1% แต่ลดจาก 26.5% ใน 2Q24 เนื่องจากปีก่อนมีโอนกลับสินค้าคงคลังเข้ามาทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าปกติ
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เพิ่ม +11% y-y เพิ่ม +5% q-q โดยค่าใช้จ่ายขายเพิ่มขึ้นถึง +20% q-q ส่วนหนึ่งจากการจ่ายภาษีนำเข้าสหรัฐ 10% (Base tariff) ให้ลูกค้าก่อน ซึ่ง DELTA จะรอเรียกคืนจากลูกค้าภายหลังราว 10 ล้านเหรีญ และไตรมาสนี้มีการตั้งสำรองลูกหนี้ 2.6 ล้านเหรียญ
ส่วนค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนา เพิ่มขึ้น +12% q-q ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาก q-q นั้นส่วนหนึ่งได้รวมค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการถูกฟ้องร้องคดีละเมิดลิขสิทธิ์ในสหรัฐรวมอยู่ด้วย แต่ไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขว่าเป็นจำนวนเท่าใด
อย่างไรก็ตาม แม้กำไรที่ออกมาจะต่ำกว่าคาด 6% แต่พบว่ายอดขายดีกว่าคาดมาก แม้ว่าส่วนหนึ่งจะได้ผลบวกจากการเร่งส่งบ้างแต่เป็นการส่งได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ทำให้ช่วงที่เหลือของปียอดขายจะดีขึ้นกว่าที่เคยคาดไว้ซึ่งจะเป็นการติบโตทั้งในส่วนยอดขายจาก DELTA โดยตรง และส่วนเพิ่มจากการย้ายการผลิตจาก DELTA ไต้หวันมาไทย
โดยเราปรับประมาณการยอดขายเพิ่มเป็น 5,239 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น +14% y-y แต่มีปรับสมมติฐานอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยลงเหลือ 33.00 บาท/ ดอลลาร์ ตามเงินบาทที่แข็งค่า และปรับกำไรสุทธิปีนี้เพิ่มเล็กน้อย 1% เป็น 19,671 ลบ. เติบโต +4% y-y
สำหรับแนวโน้มปีหน้า เราคาดว่าการดำเนินงานยังโตได้ต่อเนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนของกลุ่ม AI, Data center ที่คาดว่าจะมีสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้น แม้เราปรับใช้ราคาเหมาะสมปี 2569 และปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 107.50 บาท อิง P/E 57 เท่า ก็ยังคงแนะนำ “ขาย”
“แม้คาดแนวโน้มครึ่งปีหลังยังดีจากคำสั่งซื้อที่ทยอยส่ง รวมถึงงานส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับ AI ก็ตาม แต่เราคาดจะเห็นค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้นตามยอดขายของบริษัทแม่ที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน อีกทั้งคงต้องรอดูภาษีสหรัฐว่าจะเป็นอย่างไรซึ่งอาจกระทบต่อการขายได้ แม้มีปรับประมาณการและราคาเหมาะสมขึ้น แต่เรายังคงแนะนำ “ขาย” จากราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E25E ที่ 90.4 เท่าและ P/E26E สูงถึง 75.6x สะท้อนปัจจัยบวกที่มีทั้งหมดมากเกินไป อย่างไรก็ดีผลิตภัณฑ์ของ DELTA ยังอยู่ในเมกะเทรนด์ หุ้นจึงเหมาะกับนักลงทุนสายเก็งกำไรเล่นรอบเท่านั้น”
ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1191803