ปมสงครามการค้าสหรัฐ-จีน กดดันหุ้นไทย
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ปิดที่ระดับ 1,321.23 จุด ลดลง 7.30 จุด (-0.55%) มูลค่าการซื้อขาย 54,716.16 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,325.31 จุด และทำระดับต่ำสุด 1,311.25 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 596 หลักทรัพย์ ลดลง 837 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 338 หลักทรัพย์
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างเคลื่อนไหวในแดนลบ หลังจากที่ไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ยังต้องเผชิญแรงกดดันจากความสัมพันธ์ระหว่างจีน และสหรัฐฯ รวมถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสร้างความกังวลอยู่ และจัดเป็นความเสี่ยงของตลาดฯด้วย
ด้านตลาดหุ้นในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยเฉพาะตลาดหุ้นเยอรมนีที่บวกได้แรง หลังดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยุโรปส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ทำให้ไปช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี คืนนี้ให้ติดตามดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ของสหรัฐฯ และรอติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธนี้ รวมถึงติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 ส.ค.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะยังผันผวน โดยมีแนวรับ 1,310-1,300 จุด ส่วนแนวต้าน 1,320-1,340 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
- AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,681.06 ล้านบาท ปิดที่ 49.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
- KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,537.43 ล้านบาท ปิดที่ 82.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
- STGT มูลค่าการซื้อขาย 1,434.41 ล้านบาท ปิดที่ 84.25 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
- CBG มูลค่าการซื้อขาย 1,425.43 ล้านบาท ปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
- DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,371.83 ล้านบาท ปิดที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 9.50 บาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก