1) Down Jones :
1.1) 26,951 จุด ( เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 และ เป็น All Time High )
1.2) 23,881 จุด ( จุดตํ่าสุดในรอบนี้เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล = ( 23,881 - 26,951 ) / 26,951 x 100 = -11.39% )
1.3) 24,100 จุด ( ปิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 )
2) Shianghai Composite Index :
1.1) 6,124 จุด ( เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ปี พ.ศ 2550 และ เป็น All Time High )
1.2) 2,449 จุด ( จุดตํ่าสุดในรอบนี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดตลอดกาล = ( 2,449 - 6,124 ) / 6,124 x 100 = -60.01% )
1.3) 2,593 จุด ( ปิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 )
3) Set Index :
1.1) 1,852 จุด ( เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2561 และ เป็น All Time High )
1.2) 1,584 จุด ( จุดตํ่าสุดในรอบนี้เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ปี พ.ศ 2561 หรือ ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด = ( 1,584 - 1,852 ) / 1,852 x 100 = -14.47% )
1.3) 1,609 จุด ( ปิดเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561 )
ข้อแนะนําที่ฝากไปยังประธานาธิบดี Xi JinPing ของจีน ว่าสิ่งที่จีนน่าจะทําต่อไป คือ :
1) ยอมสหรัฐอเมริกาในสิ่งที่ยอมได้ในสงครามการค้า เพื่อไม่ให้ตลาดหุ้น Shianghai Composite Index ตกตํ่าลงไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดี เนื่องจากจีนตกลงซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาแล้ว และกําลังจะลดภาษีนําเข้ารถยนต์จากสหรัฐอเมริกา
ข้อแนะนําที่ฝากไปยังประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐอเมริกา ว่าสิ่งที่สหรัฐอเมริกาน่าจะทําต่อไป คือ :
1) เจรจาการค้ากับจีนให้ราบรื่น โดยไม่เอาเปรียบจีนมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้ตลาดหุ้น Down Jones ตกตํ่าลงไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นแนวโน้มที่ดี เนื่องจากจีนตกลงซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาแล้ว และกําลังจะลดภาษีนําเข้ารถยนต์จากสหรัฐอเมริกา
2) ระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate ออกไปก่อน เพราะการขึ้นดอกเบี้ย Fed Fund Rate มีแต่ซั้าเติมและไม่เป็นผลดีต่อทั้งตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา, จีน และไทย ซึ่งตอนนี้ก็มีแนวโน้มที่ดีแล้ว เนื่องจาก FOMC ออกมาส่งสัญญาณที่จะชะลอการปรับดอกเบี้ย Fed Fund Rate ออกไป
ข้อแนะนําที่ฝากไปยังนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทยและนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่าสิ่งที่ไทยและนักลงทุนชาวไทยน่าจะทําต่อไป คือ :
1) ทําให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพและมั่นคง และบ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็น่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีจากการกําหนดวันเลือกตั้งทั่วไปที่แน่นอนแล้วคือวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ปี พ.ศ 2562
2) ลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3 ล้านล้าน บาท เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนการส่งออกและท่องเที่ยว เป็นการเตียมตัวเพื่อรองรับการย้ายฐานการลงทุนจากประเทศจีน เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน และเป็นการยกระดับรายได้ของคนไทยให้ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลางไปให้ได้ เพราะประเทศไทยกินบุญเก่ามานานแล้ว ตั้งแต่โครงการอิสเทริน์บอร์ด ที่ผลักดันโดยอดีตนายกรัฐมนตรีพลเอกเปรม ติณสูลานนท์เมื่อปี พ.ศ 2524 และเกิดการย้ายฐานการลงทุนครั้งใหญ่ของญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ 2528 เนื่องจาก Plaza Accord ระหว่างสหรัฐอเมริกากับญี่ปุ่น
3) เมื่อเป็นดังนี้แล้ว หุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างก็น่าจะปรับตัวได้ดีและให้ผลตอบแทนได้มากกว่าหุ้นนํ้ามันและหุ้นบลูชิพตัวอื่นๆ ทั้งนี้ตั้งแต่ครึ่งแรกของปี พ.ศ 2561 ไปจนถึงปลายปี พ.ศ 2563 ก่อนที่ฟองสบู่โลกจะแตกในปี พ.ศ 2564 ซึ่งก็น่าจะเห็นแนวโน้มที่ดีจากผลการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ซีพีชนะการประมูลเมื่อวานนี้ วันที่ 14 ธันวาคม ปี พ.ศ 2561
หมายเหตุ : 1) ที่มาจาก ( www.google.com ) และ ( www.bloomberg.com )
2) โปรดติดตามรายละเอียดการลงทุนใน สภาวะตลาดกระทิง ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยประธานาธิบดี Donald Trump ), ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างขาขึ้นรอบใหญ่ ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยนายกรัฐมนตรีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ) และ สภาวะตลาดหมี ( จากปัจจัยขับเคลื่อนและผลักดันโดยวัฏจักรเศรษฐกิจขาลงรอบใหญ่วิเคราะห์โดย Ray Dalio ) ใน longtunbysak.blogspot.com