โพยหุ้นน่าสะสม กลุ่มโรงพยาบาล
เมื่อนักวิเคราะห์ให้น้ำหนักลงทุน “มากกว่าตลาด”
หลังเข้าสู่ฤดูฝน แถมลูกค้าต่างชาติเพิ่มต่อเนื่อง

.
โพยหุ้นสัปดาห์นี้ Wealthy Thai ได้รวบรวมหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมาฝากนักลงทุน หลังจากหุ้นกลุ่มนี้ยังมีปัจจัยบวกเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนผลประกอบการให้เติบโตในทิศทางที่ดี ล่าสุดนักวิเคราะห์ยังออกมาให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดอีกด้วย
.
โดยบล.ดาโอ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า คงน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มโรงพยาบาลเป็น “มากกว่าตลาด” เพราะจะมีโอกาสของการกลับมาในเชิง organic growth และมาทดแทนในส่วนของ inorganic growth ที่หายไปจาก Covid-19 ที่ดีขึ้นโดยจะมีโอกาสเปิดรับผู้ป่วยต่างชาติในรูปแบบของ medical tourism ซึ่งมีผู้ป่วยที่เดินทางมาจากตะวันออกกลางและ CLMV เป็น revenue driver หลักของกลุ่ม
.
รวมทั้ง Pent-up demand ในประเทศยังอยู่ในระดับสูง นอกเหนือจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ฟื้นตัวดีแล้ว ผู้ป่วยในประเทศฟื้นตัวเช่นกัน จากความอัดอั้นในช่วง Covid-19 ที่ผ่านมา จึงทำให้เคสผ่าตัดบางส่วนถูกเลื่อนออกไป เพื่อให้สอดคล้องกับมาตราการป้องกันการแพร่ระบาด Covid-19 ของภาครัฐ โดยคนส่วนมากเลี่ยงการเข้าโรงพยาบาลเพราะมองว่าเป็นแหล่งรวมเชื้อและสามารถติด Covid-19 ได้ จึงไม่สามารถตรวจสุขภาพต่อเนื่อง
.
ทั้งนี้จึงทำให้หลังจาก Covid-19 ดีขึ้น การตรวจสุขภาพจึงเป็นความสำคัญลำดับต้นๆของผู้คนทั่วไปเพื่อไม่ให้ประวัติการตรวจสุขภาพขาดตอนนานจนเกินไป โดยส่วนมากจะพบว่าเกิดโรคหรือเข้าค่ายเสี่ยง ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาต่อเนื่อง
.
ประกอบกับช่วงไตรมาส 3/65 ยังถือเป็นช่วง high season ของธุรกิจ เพราะได้ประโยชน์ปัจจัยฤดูฝน จากสถิติพบว่าตั้ง แต่ 1 ม.ค. – 10 ส.ค.65 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกจำนวน 16,276 ราย เสียชีวิต 14 ราย ซึ่งมากกว่าปีที่ผ่านมาในช่วงเวลาเดียวกันถึง 2.2 เท่า ปัจจัยดังกล่าวจึงถูกมองว่าเป็นหนึ่งในแรงหนุนของรายได้กลุ่ม
.
นอกจากนี้ยังคาดรายได้ Organic ฟื้นตัวดีขึ้น แม้รายได้ Inorganic หดตัวลง โดยแนวโน้มครึ่งหลังของปี 65 โรงพยาบาลที่เคยได้รับอานิสงส์จาก Covid-19 จะมีรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ Covid-19 ลดลง เนื่องจากความรุนแรงและผู้ติดเชื้อ ใหม่ลดลง
.
ขณะเดียวกันโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนต่างชาติยังคงน่าสนใจอย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก pent-up demand ยังอยู่ในระดับสูง จากผลกระทบของ Covid-19 และมาตราการปิดประเทศทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถเดินทางมารักษาได้ ทำให้มีจำนวนผู้ที่อยากเดินทางมารักษาที่ประเทศไทยมีจำนวนมาก เนื่องจากสวัสดิการที่ดีและเหมาะสมกับราคา จึงทำให้โรงพยาบาลเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการรักษาโรคต่างๆ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง และ CLMV
*หุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ จากมาก-น้อย ได้แก่
.
BH คงแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 245.00 บาท BH มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติระดับปกติอยู่ที่ 67% ในขณะปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ต่างชาติอยู่ที่ 62% มองว่าปี 65/66 จะเห็นสัดส่วนต่างชาติอยู่ที่ 65% และ 67% ตามลำดับ
.
BDMS คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 35.50 บาท คาดกำไรปีนี้ โต 18% จากปีก่อน จากการกลับมาของลูกค้าต่างชาติ ส่งผลให้เราคาดว่าจะเห็นสัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติกลับมาใกล้เคียงปกติที่ 25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 23% ของรายได้รวม และ GPM ปีนี้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 35% จาก 34.5% จากนโยบายควบคุม ต้นทุนของบริษัทในปีก่อน
.
PR9 คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมายที่ 19.00 บาท คาดกำไรปีนี้โต 68%จากปีก่อน เนื่องจากไม่ได้เน้นรายได้จาก Covid-19 เหมือนโรงพยาบาลอื่น ทำให้การฟื้นตัวในปีนี้มาจากฐานต่ำในปีก่อน โดย key catalysts ปีนี้ คือ ผู้ป่วยชาวเมียนมาร์ ที่สัดส่วนรายได้สูงถึง 10% ของรายได้รวมปี 62 ซึ่งปัจจุบันประเทศ เมียนมาร์ยังมีสงครามภายในประเทศอยู่
.
EKH คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 8.00 บาท โดย key catalysts ของ EKH ในปีนี้ คือ ลูกค้า IVF จากประเทศจีน ซึ่ง Demand จากประเทศจีนจะถูกโดยนโยบายการมีลูกคนที่ 3 แต่คาดลูกค้า IVF จะค่อยๆกลับมาฟื้นตัวโดยจะเห็น การฟื้นตัวในครึ่งหลังปีนี้ ซึ่งลูกค้าจีนอยู่ราว 10% ของรายได้รวมปี 62
.
BCH คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 20.00 บาท ผู้ป่วยทั่วไปฟื้นตัวในส่วนของ World Medical Hospital (WMC) โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางและอาเซียน หลังมีการจับมือกับสถานทูตของประเทศต่างๆ
.
CHG คงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมายที่ 4.10 บาท ปัจจุบันมีสัดส่วนกลุ่มผู้ป่วย CLMV เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าเหล่านี้ ทำให้มีผู้ป่วย CLMV และ กลุ่มตะวันออกกลาง เข้ารับการรักษาเพิ่มมากขึ้นรักษาโรคหัวใจและทางเดินอาหาร โดยมีการตรวจสุขภาพเป็นขั้นพื้นฐาน