Thailand กับการลงทุน by คุณเชาว์ เฉลิมเดช
ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมากระแสลงทุนหุ้นต่างประเทศมาแรง แต่ดูเหมือนว่าหลายๆ คนที่ออกไปต่างประเทศกลับไม่ประสบผลสำเร็จเท่าตอนลงทุนในประเทศไทย ผมก็ด้วย
มองย้อนกลับผมคิดว่าเราคนไทยมีความเข้าใจประเทศไทย หุ้นไทยดีกว่าคนส่วนใหญ่ในโลก เวลาลงทุนหุ้นไทยเราจึงได้เปรียบ เราจึงชนะ
ผมเริ่มลงทุนหุ้นไทยตอนปี 2548 ปีต่อมารัฐบาลทักษิณโดนยึดอำนาจ และประเทศก็มีปัญหาการเมือง มีทหารมายึดอำนาจ สืบทอดอำนาจมาถึงปัจจุบัน
กลายเป็นว่าช่วงเวลาที่ผมลงทุน การเมืองไทยดูวุ่นวาย แต่นักลงทุน VI จำนวนมากประสบผลสำเร็จร่ำรวย ผลตอบแทนได้กันเป็นระดับหลายสิบเด้ง บางคนร้อยเด้ง เปลี่ยนชีวิตใครหลายๆ คน ผมก็ด้วย
Playbook ที่ประสบผลสำเร็จ มองย้อนกลับผมว่าเราเข้าใจประเทศไทย บ้านเราตั้งแต่ปี พศ 2475 เรียกว่าปกครองด้วยระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่ถ้าดูดีๆ ประชาชนทั่วไปไม่ได้มีอำนาจอะไร มีก็แค่ช่วงสั้นๆ ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเต็มใบ มีแต่ชื่อ
คนที่มีอำนาจในการปกครอง กำหนดทิศทางประเทศไทยคือ สถาบันหลัก เจ้าสัว ขุนพล
คนระดับบนเหล่านี้รู้จักกันเป็นอย่างดี ลูกหลานแต่งงานกัน รวมกลุ่ม รู้จักกันหมด
ผมเคยไปงานแต่งงานลูกสาวเจ้าสัวระดับประเทศ พบว่าคนที่มาในงานมีหัวหน้าและอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ๆ แทบทุกพรรค มีทหารใหญ่ๆ มากันครบ คนระดับบนมีการคุยกัน Coordinate กันเป็นอย่างดี บางทีที่ออกข่าว ด่าว่ากัน ผมรู้สึกว่าเหมือนแสดงละคร สร้างภาพเป็นส่วนใหญ่
กลับมาเรื่องลงทุนในไทย ดังนั้น ธุรกิจไทยส่วนใหญ่ connection สำคัญมาก ธุรกิจเจ้าสัวได้เปรียญ หลายอุตสาหกรรมดูเหมือนว่าทำกำไรดีมาก มี power มาก ไม่ได้แข่งกันรุนแรง ควบรวมจนเหลือไม่กี่เจ้า ทั้งค้าปลีก ธนาคาร โทรคมนาคม สินค้าอุปโภคบริโภค โรงพยาบาล โรงไฟฟ้า สนามบิน ประกันชีวิต Leasing ต่างก็เป็นธุรกิจที่เจ้าสัวคุมอยู่ เติบโตต่อเนื่องยาวนาน มี Competitive Advantage มี Barrier to Entry แบบที่ประเทศอื่นไม่มี มีลักษณะเป็น Winner take most ในหลายๆ อุตสาหกรรม
ดังนั้น Playbook ที่ VI ไทยประสบความสำเร็จ จริงๆ แล้วไม่ยาก เราแค่ซื้อหุ้นเจ้าสัวแล้วถือยาวๆ หลายๆ ธุรกิจเป็นหุ้นหลายสิบเด้ง ประมาณว่าเราก็รวยไปกับเจ้าสัวด้วย
หันมาดูหุ้นต่างประเทศ หลายประเทศแบบจีน แม้ดูเหมือนโตเร็ว GDP สูงกว่าไทยมาก แต่สภาวะการแข่งขันคล้าย Gladiator สู้กัน เก่งมาก แต่คู่แข่งก็เก่ง เลยหาธุรกิจที่ชนะแบบชิวๆ ยากมาก เวียดนามก็อาจจะคล้ายๆ จีนเพราะคนดูขยัน ดูแข่งขันกันเดือด
อเมริกาดูแข่งกันน้อยกว่าจีน แต่ธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ในช่วงเริ่มต้น มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย มี start up ใหม่ๆ จำนวนมาก แค่กลุ่ม Fintech ก็มีเป็นร้อยๆ บริษัท นี่ยังไม่นับพวกธุรกิจ Web 3 ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอีกมาก
กลายเป็นว่าหุ้นไทยลงทุนง่ายกว่ามาก เราอยู่ไทย โตในไทย พอมองออกว่าธุรกิจแบบไหนกำไรดี มีคู่แข่งน้อย
ตัวอย่างเช่นผมเป็นคนระยอง พอรู้ว่าพวก อบต อบจ สส นักการเมืองท้องถิ่นร่ำรวยมาจากธุรกิจที่รับงานเกี่ยวกับรัฐ รวมถึงธุรกิจถมที่ วิ่งดิน วิ่งทราย ให้พวกบริษัทในนิคมอุตสาหกรรม เป็นธุรกิจที่เหมือนไม่มีอะไร แต่กำไรดีมาก เพราะแหล่งดิน แหล่งทรายที่อยู่ไม่ไกลหายาก ถ้าไกลไม่คุ้มค่าขนส่ง เป็นลักษณะ Cornered Resource ใน 7 Powers ที่นิยมใช้กันในหมู่ VC แถมเป็นธุรกิจที่ต้องมี connection ประมาณนึงถึงทำได้ ตำรวจไม่จับ
กลายเป็นว่าประเทศไทยที่ตอนนี้ดูเหมือนโตช้า แต่โอกาสผมว่ายังมี บางธุรกิจยังโตได้เร็วกว่า GDP หลายธุรกิจเราพอมองอนาคตออก
สำหรับหุ้นต่างประเทศ ผมก็ยังคงติดตาม พยายามสร้างความเข้าใจให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะสุดท้าย เราต้องเข้าใจมันจริงๆ ถึงจะประสบผลสำเร็จ อย่าโลภเกินความรู้