“ทรัมป์”ท่าจะแพ้จีน แต่ชนะเฟด
ความขัดแย้งทางการเมืองโลกที่มีสหรัฐในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากนโยบาย “America First” ที่สร้างความวุ่นวายระเบียบเศรษฐกิจโลก ด้วยการใช้นโยบายเศรษฐกิจเป็นหัวหอก “ทะลวงฟัน” ยังดำเนินต่อไป แม้หลาย ๆ ประเทศก็อ่านเกมออก แต่ไม่มีใครกล้าต่อกรกับสหรัฐมากนัก เนื่องจากยังต้องพึ่งพาระบบเศรษฐกิจสหรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
การเปิดสงครามการค้ากับจีน ที่กำลังขึ้นมาแข่งบารมีด้านเศรษฐกิจ ซึ่งดำเนินมานานเกือบ 2 ปีและยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงอย่างไร แต่ก็สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกหนักขึ้นเรื่อย ๆ
แต่จากท่าทีล่าสุดของจีน จากเดิมที่ยอมเจรจาอย่างโอนอ่อนผ่อนตาม ก็เริ่มแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ เพราะดูเหมือนว่าสหรัฐจะเพิ่มเงื่อนไขมากขึ้นทุกครั้งที่มีการเจรจา
ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลกพากันจับตาว่าการประชุมซัมมิตกลุ่ม G20 ที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น 28-29 มิ.ย.นี้ จะมีการพบปะระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนหรือไม่
เพราะที่ผ่านมา ทางผ่านจีนใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวทางทวิตเตอร์ของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ออกข่าวรายวัน จนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านแล้ว ก็ยังไม่รู้ว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเข้าร่วมประชุมหรือไม่
แต่จู่ ๆ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็บอกว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ว่าจะนัดคุยเพื่อหาทางยุติสงครามการค้าในการประชุม G20 แถมยังบอกว่าจะพบปะกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย นอกรอบการประชุมซัมมิตกลุ่ม G20 อีกด้วย
หากในเชิงการทูตแล้ว ก็ถือว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ “เสียรังวัด”อย่างมาก เพราะเป็นผ่าน”เต้นระบำ”อยู่ฝ่ายเดียวผ่านทวิตเตอร์รายวัน ทำให้มีการวิเคราะห์ไปไกลว่าท่าทางประธานาธิบดีทรัมป์จะเสียท่าเกมสงครามการค้าการค้าเสียแล้ว เมื่อจีนเตรียมโต้กลับเตรียมห้ามส่งออกสินค้า โดยเฉพาะแร่หายากที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมไฮเทคทั้งหลาย ซึ่งเป็น”สินค้าประเภทเดียว”ที่ไม่อยู่ในรายการที่ถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้า
แต่ก็เชื่อว่าประธานาธิบดีทรัมป์คงจะประกาศชัยชนะ เหมือนที่เป็นมา ไม่ว่าการเจรจาจะสำเร็จหรือไม่ และยิ่งใหล้เลือกตั้งสมัยหน้าก็ยิ่งต้องประกาศดังๆ
ในขณะที่สงครามการค้ากับจีน มีทีท่าว่าไม่อาจชนะได้ง่าย และส่อแววว่าดีไม่ดี อาจถึงขั้นพ่ายแพ้ก็ได้ เพราะดูเหมือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกระทบหนักกว่าจีนจากสงครามการค้าครั้งนี้ แต่สิ่งที่ตามมาคือประธานาธิบดีทรัมป์ถือว่าได้รับชัยชนะเหนือธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
เมื่อการประชุมเฟดครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 18-19 มิ.ย.ที่ผ่านมา นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะลดดอกเบี้ย หากแนวโน้มเศรษฐกิจย่ำแย่ ซึ่งมีการตีความว่าจะลดดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง จากเดิมที่มีแนวโน้มจะขึ้นดอกเบี้ยตามแผนเดิม
หากจำกันได้ ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้เฟดลดดอกเบี้ยมาโดยตลอด เพราะจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐ”พุ่งเป็นจรวด” แต่ทางเฟดก็ดูเหมือนไม่สนใจ มุ่งหน้าดูแต่ตัวเลขเศรษฐกิจว่าดอกเบี้ยที่เหมาะสมควรจะอยู่ระดับไหน
เรียกว่าประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาวิพากษ์วิจารณ์แทบทุกเดือน แถมยังหาช่อง(ที่ไม่มี)ในการปลดประธานเฟดอยู่ตลอดเวลา
แต่จากผลกระทบสงครามการค้าต่อเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าการปรับทิศทางของเฟดในครั้งนี้ สหรัฐได้รับผลกระทบหนักจริง ๆ จากสงครามการค้า หาไม่แล้วเฟดคงไม่หันหลังกลับไปใช้นโยบายลดดอกเบี้ยเพื่อประคองเศรษฐกิจ
นั่นเท่ากับว่าเป็นชัยชนะของประธานาธิบดีทรัมป์ หากเฟดลดดอกเบี้ยจริง ๆ
นั่นเท่ากับว่าในขณะที่สงครามการค้าที่ยังไม่รู้ว่าจะได้รับชัยชนะหรือไม่ หรือมีแนวโน้มว่าจะแพ้ราบคาบกลับมา แต่อย่างน้อยประธานาธิบดีทรัมป์ก็มีชัยชนะในบ้าน นั่นคือชัยชนะเหนือเฟด หลังฟาดฟันมานานนับปีให้ลดดอกเบี้ย
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก