ห้องเม่าปีกเหล็ก

ส่อง 5 หุ้นเด็ด จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)

โดย ร้อยแปดพันก้าว
เผยแพร่ :
424 views

ส่อง 5 หุ้นเด็ด จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA)

เปิด 5 หุ้นเด็ด จากสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) ช่วงQ2-4/66 แนะ ADVANC , AMATA , AOT , BBL และ CPALL พร้อมประเมินหุ้นไทยปีนี้คาดกรอบ 1,508 - 1,721 จุด

.

นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน(IAA) เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 26 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2-4 ของปี 66 พบว่า มีรายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำ โดยมีจำนวนสำนักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 5 สำนักขึ้นไป ได้แก่ ADVANC , AMATA , AOT , BBL และ CPALL

.

ซึ่งการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ ค้าปลีก การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธุรกิจ Finance (non-bank) ปิโตรเคมี พลังงานและสาธารณูปโภค

.

นอกจากนี้ยังมีมุมมองจากไตรมาส2/66 ไปถึงสิ้นปี คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1,508 - 1,721 จุด และคาดการณ์ว่าสิ้นปี 66 จะปิดที่ 1,707 จุด ส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 66 ของตลาด คาดเฉลี่ยที่ 95.77 บาท และคาดการณ์ EPS Growth ของปี 66 อยู่ที่ 13.02%

.

โดยนักวิเคราะห์แนะนำให้กระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็นเงินสดและเงินฝากระยะสั้น 18.63% , กองทุนตราสารหนี้ 14.06% , หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 27.39% , หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 22.92% , กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.31% , ทองคำหรือกองทุนทองคำ 8.63% และ อื่นๆ เช่น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน น้ำมัน 1.06% ซึ่งความเห็นต่อการลงทุนหุ้นต่างประเทศ/กองทุนหุ้นต่างประเทศ แนะนำกองทุนหุ้นจีน และเอเชีย จากการเปิดกิจกรรมเศรษฐกิจกลับมาปกติอีกครั้ง

.

ทั้งนี้สมมติฐานหลัก ได้ปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้ จาก 87.22 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล มาเป็น 83.04 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และลดคาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทยปี 66 จากเดิมที่ 3.60% ลงมาเหลือ 3.50%

.

ส่วนทิศทางการลงทุนในปี 66 นี้ ยังได้ผลบวกที่ชัดเจนมาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ เศรษฐกิจภายในประเทศ โดยมีผู้โหวตถึง 92% และปัจจัยด้านการเมืองในประเทศ มีผู้โหวต 85% ตามมาด้วยผลประกอบการ บจ.ปี66 มีผู้โหวต 73%

.

ส่วนปัจจัยด้านลบ มาจาก ปัจจัยผลกระทบจากธนาคารในสหรัฐอเมริกาล้ม ผู้ตอบทั้งหมดเทคะแนนให้อย่างชัดเจนถึง 96% ว่าเป็นผลลบ รองลงมาด้านเศรษฐกิจต่างประเทศ และการลดหรือยุติมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของประเทศสำคัญทั่วโลก มีผู้ตอบเท่ากันที่ 85%

.

ปัจจัยที่ควรจับตามองที่มีผลต่อการขับเคลื่อนตลาดในไตรมาส 2 ผู้ตอบส่วนใหญ่มองว่าการเลือกตั้งภายในประเทศ และการจัดการของ FED ต่อปัญหาสถาบันการเงินและนโยบายดอกเบี้ยด้านการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ในช่วงเมษายนถึงสิ้นปี 66 มีนักวิเคราะห์ถึง 61.54% ที่คาดว่าจะคงที่ ส่วนที่เหลือ 38.46% มองว่าปรับขึ้นอีก 0.25%

.

ท้ายที่สุด นักวิเคราะห์ยังได้เพิ่มเติมการแนะนำไปยังพรรคการเมืองเกี่ยวกับนโยบายที่จะมีผลบวกต่อภาวะเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับผลกระทบทางงบประมาณ โดยส่วนใหญ่กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แยกเป็นการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนภาครัฐที่หนุนศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจ รวมทั้งลดการใช้จ่ายภาครัฐและการกู้เพิ่ม

.

ถัดมา แนะให้มีนโยบายช่วยเหลือภาคประชาชน ได้แก่ ชะลอการเก็บภาษีหุ้น สนับสนุนการออมเงิน และนำกองทุน LTF กลับมา อีกทั้งต้องกระตุ้นการจ้างงานในประเทศ และตามมาด้วย นโยบายกระตุ้นการลงทุน สนับสนุนการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หามุมมองใหม่ช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และขยายตลาดสินค้าไทย

***********************************

 


ร้อยแปดพันก้าว