คิดเป็นเห็นก่อน - ดักเก็บหุ้นก่อนทะลุ 1650 จุด
อ่านเพิ่มเติม คลิ๊ก https://www.thunhoon.com/stockfocus-16/
ดักเก็บหุ้นก่อนทะลุ 1650 จุด***
ภาพการแกว่งตัวของตลาดหุ้นไทย บริเวณที่เข้าใกล้หรือความพยายามที่จะทดสอบให้ผ่านระดับ 1650 จุดขึ้นไป ถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจติดตาม การประลองกำลังระหว่างแรงขาย กับแรงสู้ซื้อว่าใครจะเป็นฝ่ายมีชัย หากแรงซื้อชนะแน่นอนกระทิงเปลี่ยวมาแน่ และแนวโน้มก็มีโอกาสสูงที่จะได้เห็นกระทิงวิ่งกันในรอบนี้ แต่หากตรงกันข้ามแรงขาย 1650 จุดไม่สะเด็ดน้ำก็อาจเป็นปัจจัยกดดันต่อความเชื่อมั่นของนักลงได้เหมือนกัน แต่แนวโน้มน่าจะจำกัดในขาลง เพราะด้วยปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยน่าจะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเดินหน้าไปต่อได้
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยรอบนี้ มาพร้อมการไหลเข้าของ Fund Flow ที่นักวิเคราะห์มองกันว่าจะไหลเข้าได้อีกในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นไทยในระดับต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต และการเมืองไทยกำลังเดินไปสู่การเลือกตั้งชัดเจนแล้ว นอกจากนี้อานิสงค์เรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ไม่ต่ำกว่า 3.5 % ปีนี้เป็นแรงหนุนที่สำคัญ ดังนั้นช่วงระหว่างการปรับฐานแนว 1650 จุด น่าจะเป็นจุดทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี ราคายังไม่ขึ้นมาก P/E - P/BV ต่ำและมีแนวโน้มสดใสตามภาวะเศรษฐกิจเหมือนกัน
โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่มีแนวโน้มจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตลาดโดยรวม นำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTT ที่มองว่าราคาเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานยังราคาไม่แพง ราคาวันนี้เทรดกันที่ P/E ไม่ถึง 10 เท่าปันผลเกือบ 4% แนวโน้มราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงหุ้นในตระกูลอย่าง PTTEP ,PTTGC ที่น่าสนใจไม่น้อย
กลุ่ม BANK ยังเป็นกลุ่มที่น่าสนใจเสมอ จะได้ผลดีโดยตรงจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าแรงกดดันจากการตั้งสำรองหนี้ จะค่อยๆ ลดลง การขยายตัวของสินเชื่อจะฟื้นขึ้นเป็นลำดับ จะสังเกตเห็นได้ว่ายามใดที่ตลาดหุ้นมีการปรับตัวขึ้นแรงๆมักจะมีหุ้นกลุ่ม BANK เป็นแรงหนุนสำคัญเสมอ เพราะเป็นที่หมายปองของกองทุนและต่างชาติ จากราคาหุ้นที่ไม่แพง P/E ไม่สูง บางตัวราคาต่ำกว่าบุ้คเสียด้วยซ้ำ เงินปันผลยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับ 8% ยังมีให้เห็น
กลุ่มสื่อสาร ADVANC ,TRUE, DTAC ที่วันนี้ราคาหุ้นได้สะท้อนความกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลจากการประมูล 4G ไปแล้ว การแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการทั้ง 3 ค่ายได้ลดความร้อนแรงลง จะทำให้ควบคุมต้นทุนในการบริหารจัดการได้ดี ส่งผลให้ผลประกอบการในธุรกิจฟื้นตัวดีขึ้น ทั้งนี้เทคโนโลยี ที่ย่อโลกมาไว้เพียงแค่ฝ่ามือจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการใช้ดาต้าและการบริการโครงข่ายของผู้ให้บริการเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีกมาก ยังมองว่าเป็นหุ้นที่ยังอยู่ในเมกะเทรน
กลุ่มค้าปลีก ที่เพิ่งเริ่มจะขยับและกำลังเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น อย่าง CPALL HMPRO ROBINS BEAUTY เป็นต้น ที่จะได้อานิงสงค์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหนุนบวกต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของการบริโภคและหุ้นค้าปลีกภายในประเทศ รวมถึงบัตรคนจนที่จะเริ่ม 1 ตค. 60 วงเงิน 4.19 หมื่นล้านบาทต่อปี จากผู้รับบัตร 11.67 ล้านคน เข้ามาช่วยสนับสนุนอีก
อีกกลุ่มที่กำลังมาแรงคือ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐและนโยบาย EEC อย่างกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง STEC, CK, UNIQ และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม WHA, AMATA, TICON เหล่านี้เป็นต้น
สรุปแล้วตลาดหุ้นไทยก็ยังสามารถขับเคลื่อนเดินหน้าต่อไปได้ โบรกเกอร์หลายสำนักเริ่มมองกันที่เป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปลายปีนี้ที่ 1700 จุดมีความเป็นได้ และในปีหน้าจะทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลได้ อย่างไรเสียเราที่เป็นนักลงทุนที่ทำมาหากำไรในตลาดทุนก็คงต้องอยากให้ตลาดมีการปรับตัวขึ้น ขึ้น ขึ้น สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตัวเอง คงไม่มีใครอยากให้ตลาดลง ลง ลง เป็นแน่ ใช่มั๊ยล่ะครับ