เปิดโผหุ้นรับอานิสงส์บวก-ลบ
จากเหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้
.

แม้สถานการณ์น้ำท่วมทางภาคใต้จะเริ่มคลี่คลาย แต่ผลกระทบต่อภาคธุรกิจยังเห็นได้ชัดในหลายมิติ บางอุตสาหกรรมชะลอชะลอลงจากข้อจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่บางกลุ่มกลับมีความต้องการสินค้าปรับตัวสูงขึ้นตามสภาพแวดล้อมเฉพาะหน้า ซึ่งส่งผลต่อผู้ประกอบการไม่มากก็น้อย เช่นเดียวกับบริษัทจดทะเบียนบางรายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยวันนี้ Wealthy Thai จะพาไปสำรวจว่าหุ้นกลุ่มไหนที่ ได้-เสีย ประโยชน์จากกรณีนี้บ้าง
.
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุ เหตุการณ์น้ำท่วมภาคใต้ของประเทศไทยรอบนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่หาดใหญ่ มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลและโรงแรมจะได้รับผลกระทบในระยะสั้น ส่วนกลุ่ม commerce และหุ้นสื่อบางตัวอย่าเช่น MAJOR จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก ในขณะเดียวกัน กลุ่มแปรรูปเนื้อสัตว์อาจจะถูกกระทบทางอ้อมจากกำลังซื้อที่แผ่วลง
.
อย่างไรก็ตาม มองว่าผลกระทบในระดับมหภาค ซึ่งได้แก่ GDP ในภาพรวมน่าจะถูกกระทบไม่มากนัก และรัฐบาลชุดปัจจุบันมีกำหนดจะอนุมัติมาตรการเยียวยากลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในสัปดาห์นี้
.
โดยสำหรับหุ้นกลุ่ม commerce ผลกระทบจากน้ำท่วมจะมาจาก 1) การปิดสาขาเนื่องจากกระแสน้ำไหลท่วมพื้นที่ 2) การปิดสาขาเพราะน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบ ทั้งนี้ โดยเฉลี่ยแล้ว บริษัทส่วนใหญ่มีสาขา 15% อยู่ในภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบในปัจจุบันจำกัดวงอยู่ในจังหวัดหลัก ๆ อย่างเช่น สงขลา และสตูล ซึ่งมีสาขาที่ได้รับผลกระทบเพียงสองสามสาขาเท่านั้น
.
มองว่าผลกระทบในระยะสั้นจะอยู่ในรูปของรายได้ที่เสียไปจากการปิดสาขา หรือจำนวนลูกค้าเข้าร้านลดลง แต่หลังจากที่น้ำลดแล้ว บริษัทอาจจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมสาขาร้าน (ซึ่งตามปกติแล้ว บริษัทจะมีประกันน้ำท่วมที่ครอบคลุมทั้งตัวอาคารและสินค้า)
.
นอกจากนี้ อุปสงส์สินค้าสำหรับการปรับปรุงบ้าน (home improvement product) อาจจะเพิ่มขึ้นจากการซ่อมแซมอาคาร โดยหุ้นที่อาจเหมาะเก็งในธีมนี้ได้แก่ GLOBAL และ DOHOME
.
สำหรับกลุ่มแปรรูปเนื้อสัตว์ไม่น่าจะได้รับผลกระทบในแง่ของการผลิต เพราะพื้นที่น้ำท่วมไม่ได้เป็นแหล่งเลี้ยงสัตว์ และสาขาร้าน Thaifoods Fresh Market ของ TFG ไม่ได้ตั้งอยู่ในภาคใต้ แต่กลุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบบ้างในแง่ของกำลังซื้อในประเทศ ซึ่งอาจจะกดดันราคาเนื้อสัตว์ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มราคาในปัจจุบันยังคงเป็นไปตามคาด โดยใช้สมมติฐานราคาหมูที่ 76 บาท/กก. และราคาไก่ที่ 39.5 บาท/กก. ในปี 2568
.
สำหรับหุ้นที่อยู่นอกขอบเขตการศึกษาของ บล.เคจีไอ คือ CPF มีโรงงานผลิตอาหารสัตว์สำหรับสัตว์บก และสัตว์น้ำ รวมถึงฟาร์มไข่ ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุด โรงงาน และพื้นที่ผลิตของบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมรอบนี้ และยังคงเปิดดำเนินการได้ตามปกติ ดังนั้นจากการประเมินเบื้องต้นจึงพบว่าผลกระทบอยู่ในวงจำกัด
.
ในขณะเดียวกัน TU มีโรงงานสามแห่งอยู่ในจังหวัดสงขลา ITC, Thai Union Seafood และ Thai Union Feedmill ซึ่งทั้งโรงงาน และพื้นที่ผลิตยังเปิดดำเนินการได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยในแง่การเดินทางของพนักงานถ้าหากระดับน้ำยังอยู่ในระดับสูง โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มการผลิตที่โรงงานในสมุทรสาครเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดกับการดำเนินงานในภาพรวม
.
สำหรับกลุ่มสื่อ MAJOR เป็นหุ้นเพียงตัวเดียวที่ บล.เคจีไอ ศึกษาอยู่ซึ่งจะได้รับผลกระทบ โดยบริษัทมีสาขาในภาคใต้ 23 สาขา ซึ่งในจำนวนนี้ปิดบริการไป 8 สาขา คิดเป็น 2-3% ของจำนวนสาขาทั้งหมดของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัททำประกันไว้ซึ่งครอบคลุมทั้งรายได้ และความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น โดยรวมแล้ว มองว่า MAJOR จะถูกกระทบในวงจำกัด
.
ด้านกลุ่มไฟแนนซ์ประเภท Non-bank จะถูกกระทบในวงจำกัด เพราะภาคใต้ไม่ได้เป็นจุดแข็งของผู้ประกอบการธุรกิจไฟแนนซ์รายหลัก ในกลุ่มไฟแนนซ์ประเภท non-bank MTC มีสาขาในภาคใต้มากที่สุด โดยมีสำนักงานทั้งหมด 2,405 แห่ง หรือคิดเป็น 28% ของจำนวนสาขาทั้งหมด รองลงมาคือ SAWAD ซึ่งมีจำนวนสำนักงาน 1,681 แห่ง คิดเป็น 29% ของเครือข่ายสาขาทั้งหมด
.
ในขณะเดียวกัน จำนวนสาขาในภาคใต้ของ TIDLOR และ บริษัท non-bank รายอื่น ๆ ไม่ได้มากอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ภาครัฐฯ ได้ออกมาตรการ floods recovery program 8 ประเด็น เพื่อช่วยลดผลกระทบให้กับผู้ได้รับความเดือนร้อน น่าจะช่วยลดแรงกระแทกต่อคุณภาพสินทรัพย์ของกลุ่ม non-bank finance
.
ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุ แนวทางฟื้นฟูผลกระทบน้ำท่วมใหญ่ที่ทยอยออกมาต่อเนื่อง คาดว่าเม็ดเงินจากมาตรการช่วยเหลือลำดับถัด ๆ ไปน่าจะเข้าถึงประชาชนเร็วขึ้น และบวกต่อหุ้นซ่อมแซมที่น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของการใช้เม็ดเงิน ได้แก่ GLOBAL, DOHOME, HMPRO และวัสดุก่อสร้าง TOA, SCC
ที่มา.. Wealthy Thai