สตาร์บัคส์ขายหุ้น 60% ธุรกิจในจีน

สตาร์บัคส์ขายหุ้น 60% ธุรกิจในจีน หวังพลิกสถานการณ์ธุรกิจกาแฟ

สตาร์บัคส์ขายหุ้น 60% ของธุรกิจจีนให้กับบอยยู มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังพลิกสถานการณ์ธุรกิจการแฟที่แช็งขันสูง กระแสชาตินิยมทำให้ลูกค้าอุดหนุนแบรนด์ท้องถิ่น

บลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (4 พ.ย.68) ว่า สตาร์บัคส์ คอร์ป (Starbucks Corp) ตกลงขายหุ้นส่วนใหญ่ในธุรกิจกาแฟในจีนให้กับบอยยู แคปิตอล บริษัทไพรเวทอิควิตี้ มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยกระดับธุรกิจร้านกาแฟในจีน

บอยยู แคปิตอล (Boyu Capital) จะถือหุ้นสูงสุด 60% ในธุรกิจค้าปลีกของสตาร์บัคส์ในจีน ผ่านการร่วมทุนใหม่กับผู้จำหน่ายกาแฟ ทั้งสองบริษัทระบุในแถลงการณ์ สตาร์บัคส์จะถือหุ้นที่เหลืออีก 40% จะถือหุ้นที่เหลืออีก 40% และยังคงอนุญาตให้ใช้ตราสินค้าและทรัพย์สินทางปัญญาต่าง ๆ กับกิจการร่วมค้านี้ต่อไป

ข้อตกลงนี้ถือเป็นการสิ้นสุดการค้นหาพันธมิตรที่จะมาช่วยวางแผนอนาคตบทต่อไปของ Starbucks ในประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันมีร้านสาขาประมาณ 8,000 แห่งหลังจากเปิดสาขาแรกที่ปักกิ่งในปี 2542 (1999) อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Starbucks ประสบปัญหา เช่นเดียวกับบริษัทตะวันตกอื่น ๆ ที่สูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งท้องถิ่น จากกระแสชาตินิยมที่เพิ่มขึ้นและความไม่เต็มใจของลูกค้าที่จะจ่ายแพงกว่าสำหรับแบรนด์ต่างประเทศ

ลัคกิน คอฟฟี่ อิงค์ (Luckin Coffee Inc) ซึ่งตั้งอยู่ที่เซี่ยเหมิน ได้โค่น Starbucks ขึ้นเป็นเชนร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดในจีนเมื่อสองปีก่อน ด้วยการขายกาแฟในราคาถูกกว่าของ Starbucks ถึงหนึ่งในสาม ขณะที่รูปแบบร้านของ Starbucks มีต้นทุนสูงในการบริหาร ลูกค้าก็ยิ่งไม่ต้องการจ่ายแพงสำหรับเครื่องดื่มของร้าน นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่ยังคงดำเนินอยู่

ก่อนหน้านี้ Bloomberg รายงานว่า Boyu กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ และสตาร์บัคส์กำลังพิจารณาข้อเสนอ 5 รายการจากผู้ที่สนใจ

Boyu ก่อตั้งขึ้นในปี 2554 และมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่หมู่เกาะเคย์แมน โดยลงทุนในบริษัทไพรเวทอิควิตี้หรือบริษัทนอกตลาด บริษัทมหาชน อสังหาริมทรัพย์ และโครงสร้างพื้นฐาน ตามข้อมูลบนเว็บไซต์ของบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีธุรกิจร่วมลงทุนและแพลตฟอร์มพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจไพรเวทอิควิตี้ของบริษัทลงทุนในธุรกิจต่างๆ เช่น เทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภคและค้าปลีก และการดูแลสุขภาพ

ไบรอัน นิคโคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสตาร์บัคส์ กล่าวในบล็อกโพสต์ว่า “เรามองเห็นเส้นทางที่จะเติบโตจากร้านกาแฟสตาร์บัคส์ 8,000 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 20,000 แห่งในอนาคต”

ยอดขายสาขาเดิมในจีนเพิ่มขึ้น 2% ในไตรมาสที่สี่ ช่วยให้บริษัทมียอดขายสาขาเดิมเติบโตในเชิงบวกเป็นครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี

สตาร์บัคส์คาดการณ์ว่ามูลค่ารวมของธุรกิจค้าปลีกในจีนจะสูงกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงมูลค่าใบอนุญาต ตามแถลงการณ์

ราคาหุ้นของสตาร์บัคส์เพิ่มขึ้นน้อยกว่า 1% เมื่อเวลา 18:17 น. ในการซื้อขายหลังเวลาทำการที่นิวยอร์ก ราคาหุ้นลดลงประมาณ 11% ในปีนี้ ซึ่งตามหลังดัชนี S&P 500 ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 17%

ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามในการดึงดูดลูกค้าในจีน สตาร์บัคส์ได้เปิด "ห้องอ่านหนังสือ" ฟรีในสาขาบางแห่งในประเทศจีนเมื่อต้นปี ภายใต้การนำของมอลลี หลิว ซีอีโอคนใหม่ในจีน สตาร์บัคส์ยังได้ขยายเมนูเครื่องดื่มให้มีตัวเลือกแบบไม่มีน้ำตาลและชาที่ตอบโจทย์รสนิยมของคนท้องถิ่นมากขึ้น ลดราคาเครื่องดื่มหลากหลายรายการ และเพิ่มตัวเลือกสำหรับการสั่งซื้อแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งตรงกันข้ามกับการเคลื่อนไหวล่าสุดในสหรัฐฯ ที่เมนูได้รับการปรับปรุงให้เรียบง่ายขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

ที่มา… https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1206015