ห้องเม่าปีกเหล็ก

ความมั่งคั่งอันเงียบงันของไทย: ความยืดหยุ่นในโลกที่ผันผวน

โดย Durant
เผยแพร่ :
69 views

ความมั่งคั่งอันเงียบงันของไทย: ความยืดหยุ่นในโลกที่ผันผวน

ลองจินตนาการว่าคุณอยู่ในเมืองที่อากาศเปลี่ยนทุกวัน…

บางวันแดดจ้า บางวันพายุเข้า บางวันฟ้าโปร่งแต่ฝนตก

นี่แหละคือภาพของเศรษฐกิจโลกวันนี้

ที่เต็มไปด้วยหนี้ที่พุ่งสูง เงินทุนไหลเข้าไหลออก

และค่าเงินผันผวนตลอดเวลา

แต่ในสภาพอากาศแปรปรวนเช่นนั้น

“ประเทศไทย” กลับยืนอยู่บนฐานที่มั่นคงที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค

สิ่งนี้มีชื่อเรียกทางเศรษฐกิจว่า “ประเทศเจ้าหนี้สุทธิ” (Net Creditor Nation)

หรือ “ประเทศที่เป็นเจ้าของโลกมากกว่าที่เป็นหนี้โลก”

ซึ่งใน ASEAN มีไม่กี่ประเทศเท่านั้น… และไทยคือหนึ่งในนั้น

 

ภาพใหญ่ที่มักถูกมองข้าม

ณ ไตรมาส 2 ปี 2025 NIIP (สถานะการลงทุนระหว่างประเทศสุทธิ) ของไทย

อยู่ที่ 109.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ คิดเป็น 19.8% ของ GDP

เปรียบเทียบกับต่างประเทศที่ยังคงพึ่งพาเงินทุนต่างชาติเป็นหลัก

- อินโดนีเซีย -17.2%

- ฟิลิปปินส์ -14.3%

- มาเลเซีย 3.3%

ส่วน สิงคโปร์ แน่นอนว่าอยู่กันคนละโลก

ด้วย NIIP มากกว่า 150% ของ GDP

จากการสะสมความมั่งคั่งระหว่างประเทศมายาวนาน

 

แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือ… ประเทศไทย

“เคยติดลบ -20% ของ GDP”

เมื่อ 13 ปีก่อน และสามารถพลิกกลับมา

“เป็นบวกเกือบ +20%” ได้สำเร็จในวันนี้

เป็นหนึ่งในการกลับมาที่น่าจับตาที่สุดของภูมิภาค

 

ไทยสะสม “ความมั่งคั่งระหว่างประเทศ” ผ่าน 3 ช่องทางสำคัญ

1.ทุนสำรองระหว่างประเทศ (Foreign Reserves)

ด้วยมูลค่า 262 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

มากกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้นถึง 3 เท่า

➝ นี่คือ “กันชนทางการเงิน”

ที่ช่วยให้ไทยรับมือกับความผันผวนของเงินทุนได้โดยไม่ต้องวิ่งหาเงินกู้ฉุกเฉิน

2.การลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Direct investment abroad)

มูลค่ากว่า 216 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 40% ของ GDP

➝ ไทยไม่ได้แค่รับเงินทุนจากต่างชาติ แต่ “ส่งทุนไปลงทุนทั่วโลก”

ตั้งแต่โรงไฟฟ้าในอาเซียน ธุรกิจค้าปลีก ไปจนถึงโรงแรมในยุโรป

3.การลงทุนในสินทรัพย์การเงิน (Portfolio Investment)

กองทุนบำเหน็จบำนาญ บริษัทประกัน และกองทุนรวมของไทย

เริ่มกระจายลงทุนไปต่างประเทศมากขึ้น

➝ นี่คือการบริหารความเสี่ยงอย่างเงียบ ๆ ลดการพึ่งพาตลาดในประเทศ

 

ด้านหนี้สินระหว่างประเทศของไทย

แม้โดยรวมยังคงอยู่ในระดับมั่นคง (หนี้ระยะยาวเป็นหลักในภาคการผลิตและบริการ) แต่…

- นักลงทุนต่างชาติเริ่มลดการถือครองหุ้นและพันธบัตรไทย

- สะท้อนความกังวลต่อ “ศักยภาพการเติบโต” มากกว่าความมั่นคงทางการเงิน

 

บทสรุปที่ไทยต้องตอบตัวเอง

ประเทศไทยทำ “ส่วนที่ยาก” ได้สำเร็จแล้ว เราสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินได้อย่างมั่นคง

แต่ “ภารกิจต่อไป” ไม่ใช่แค่การตั้งรับ…

ประเทศที่เปลี่ยนความมั่งคั่งระหว่างประเทศให้เป็นความได้เปรียบระยะยาว

ล้วนมี “แผนระยะยาว” และ “สถาบันที่เข้มแข็ง”

- สิงคโปร์ ใช้เงินสะสมจากต่างประเทศสร้างทุนของรัฐ

- นอร์เวย์ ใช้ Sovereign Wealth Fund วางอนาคต

 

แล้วประเทศไทยล่ะ?

พร้อมหรือยังที่จะใช้ฐานะ Net Creditor Nation

ให้เป็น จุดเริ่มต้นของการลงทุนเชิงรุก สร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน?

เพราะความมั่นคงทางการเงิน…

จะมีค่ามากที่สุดก็ต่อเมื่อเราใช้มันเกิดประโยชน์สูงสุด

.

เรื่องและภาพ: ธนโชติ นนทกะตระกูล Economist, Bnomics

════════════════

 

ที่มาบทความจาก..  Bnomics by Bangkok Bank


Durant