- ตัวเลขท่องเที่ยวของไทยถือว่าโตประมาณ 6% อยู่ที่เกือบ 9 ล้านคน เฉพาะไตรมาส 3/60
- ไตรมาส 3/60 ของ ERW เป็นผลประกอบการทีดีที่สุด
- แผนการเปิดโรงแรมใหม่ ไม่มีโรงแรมไหนล่าช้า มีแต่เปิดก่อน ได้แก่หัวหิน แม่สอดซึ่งเป็นสาขาที่ 2
- การเปิดสาขาที่ 2 ได้นั้น ต้องมีผลการดำเนินงานที่ดี มีอัตราการเข้าพัก 80% ต่อวัน และเราพิจารณาว่าเป็นจังหวัดที่มีการเติบโตดี
- เราเปิดสาขาที่ต่างประเทศเพิ่มอีก 1 สาขา คือ Hop Inn ที่ Makati
- อัตราการเข้าพัก (ไม่รวม Hop Inn) เทียบกับ 3/60 จะอยู่ที่ 83% สาเหตุที่ลดลงเพราะ เรามีการปิดห้องพักบางส่วนเพื่อปรับปรุงอย่าง JW Marriott ถ้าเราไม่เอามาคิดจะอยู่ที่ 86% ถือว่าดีกว่า
- อัตราค่าห้อง เรามีการปรับเพิ่ม 4%
- ERW มีการเติบโตไม่ว่าจะเป็น EBITDA ที่เพิ่มขึ้นและ Net Profit ที่เพิ่มขึ้นน่าประทับใจ บ่งบอกถึงศักยภาพของบริษัทที่เพิ่มมากขึ้น
รายละเอียดแสดงฐานะธุรกิจ ERW โดยรวม No. of Room (จำนวนห้อง) %OCC(อัตราการเข้าพัก) Average room rate(อัตราห้องพัก) และ RevPAR (ราคาค่าเฉลี่ยต่อห้องพักทั้งหมด)
- แยกตามสัดส่วนรายได้ของแต่ละภาคส่วนโรงแรม ทุกภาคส่วนเราดีขึ้น เว้นแต่ในส่วนของ Luxury Segment ที่เราปิดปรับปรุง JW Marriott บางส่วน แต่เราจะได้ในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มมาช่วย
- รายได้รวมแบ่งตามนักท่องเที่ยวที่มาพักโรงแรมของ ERW อันดับ 1 คือ คนไทย บางปีคนจีนมาเป็นอันดับ 1 แต่ตอนนี้คนไทยมาเป็นอันดับ 1 ส่วนคนจีนเป็นอันดับ 2 ส่วนใหญ่แล้วคนไทยจะเข้ามาพัก Hop Inn ในขณะที่คนจีนจะเข้ามาพักโรงแรมในทุก segment
- ต้นทุนทางการเงินของเราอยู่ที่ 3.97% MLR ทางฝ่ายบริหารก็พยายามที่จะหาแหล่งเงินกู้ที่ถูก
- ฝ่ายบริหารคาดว่า ** ไตรมาส 4/60 ERW จะโตประมาณ 10% ** โดยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 7%
- ในปีหน้าทางฝ่ายคิดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในปี 2017 อยู่ที่ 35 ล้านคนเติบโตประมาณ 7%
- ไตรมาส 4/60 เราจะเปิด Hop Inn ที่ขอนแก่นเป็นสาขาที่ 2 แล้วยังมีที่นครสวรรค์ การญจนบุรีสาขาที่ 2 และที่ลพบุรี ส่วนกลุ่มโรงแรม 5 ดาว ไม่มีการสร้างเพิ่มใหม่แต่จะเป็นการขยายเพิ่มเติมของโรงแรม The Naka Island ที่ภูเก็ต สร้างเพิ่ม 13 ห้อง สรุปแล้วเราจะมีโรงแรมทั้หงด 52 โรงแรม จำนวนห้องพัก 7328 ห้อง
- Hop Inn เราไม่มีรับบริหาร เป็นโรงแรมของเราทั้งหมด ถ้าจบไตรมาส 4/60 เราจะมี Hop Inn ทั้งหมด 32 สาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ
แผนโครงการสร้างโรงแรมของ ERW จนถึงปี 2020
- ปีหน้า เราจะเปิด Novotel และ IBIS Style นานา แล้วก็ Hop inn อีกเพิ่มเเติม
- เราตั้งเป้าหมายไว้ว่า ปี 2020 เราจะมีโรงแรมมากกว่า 85 โรงแรม มีห้องพักให้บริการมากกว่าหมื่นห้อง
- 85 โรงแรมที่กล่าวถึง ตั้งเป้าไว้ว่าจะแบ่งเป็น 25 โรงแรมระดับหรู Midscale และ Economy ส่วน Hop Inn จะมี 50 โรงแรม และที่ฟิลิปินส์อีก 12 โรงแรม
คำถามที่น่าสนใจ
- ราคาค่าห้องพักมีแนวโน้มปรับขึ้นได้อีกมากน้อยแค่ไหน เพราะโรงแรมของกลุ่มค่อนข้างทำผลประกอบการได้ดี
จริงๆเรื่องนี้ทางผู้บริหารได้มองแนวโน้มมานานแล้ว การที่อัตราการเข้าพักของเราดี เราก็ต้องกลับไปดูรอบๆของเราด้วยว่าดีหรือไม่ ถ้ารอบๆของเราดีด้วยเราก็สามารถปรับขึ้นราคาค่าห้องได้ แต่ถ้ารอบๆไม่ดี แล้วเราไปขึ้นราคาแบบนี้ เท่ากับว่าเราจะเสียอัตราการเข้าพักให้กับโรงแรมรอบๆ
แต่ทั้งนี้เรามีแนวโน้มจะปรับขึ้นในปีหน้า เพราะอัตราเข้าพักของเราดี รอบๆก็ดีไปด้วย ไม่มีเหตุผลที่จะไม่ขึ้นราคาห้องพัก
- ปีหน้าจะมีการเติบโตจากไหน
เรื่องของอัตราเข้าพัก โรงแรมใหม่ ห้องใหม่ที่เพิ่มขึ้น
- กอง ERWPF จะมีอีกไหมเป็นกองใหม่ ?
เราเชื่อว่า ERWPF ปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ ส่วนจะมีอีกกองไหมยังไม่สามารถบอกอะไรได้ ณ ตอนนี้
- อยากให้พูดถึงโรงแรม Hop Inn เพิ่มเติม
Hop Inn ตอนแรกๆนี้ยังทำผลงานได้ไม่ดีอาจจะเป็นเพราะว่าคนยังไม่คุ้นเคย แต่หลังๆมานี้ถือว่าทำผลประกอบการออกมาดีมาก เราเปิดโรงแรมใหม่ทุกเดือนผลประกอบการก็ดี มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 80% ขึ้น แต่จังหวัดที่โตดีๆเราก็ทำได้ 90% เช่น หาดใหญ่ ระยอง จันทบุรี
Hop Inn ของเราส่วนใหญ่จะอยู่ต่างจังหวัด ถามว่าจะมีในกรุงเทพไหม มีแต่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ในส่วนของที่ฟิลิปปินส์ จะแตกต่างจากของไทย คือที่นั้นเราจะเน้นอยู่ในตัวเมืองหลวง คือ มะนิลา แล้วก็ต่างจังหวัดที่มีการเติบโตสูงอย่าง เซบู ถามว่าที่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ผลประกอบการออกมาดี ได้รับการตอบรับจากคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ถือว่าออกมาดีกว่าที่คาด
ดูฉบับเต็มได้ที่นี้