ห้องเม่าปีกเหล็ก

7 แง่คิดพลิกชีวิต ซูซี ออร์แมน จาก "สาวเสิร์ฟ" สู่ที่ปรึกษาการเงินพันล้าน

โดย ฟาริดา
เผยแพร่ :
351 views

7 แง่คิดพลิกชีวิต ซูซี ออร์แมน จาก "สาวเสิร์ฟ" สู่ที่ปรึกษาการเงินพันล้าน

 

.

ซูซี ออร์แมน อดีตสาวเสิร์ฟที่เกือบหมดตัวเพราะลงทุนแบบขาดความรู้ ปัจจุบันเธอ คือ ที่ปรึกษาการเงินชื่อดัง , นักเขียน , พิธีกรรายการทีวี The Suze Orman Show รวมถึงเป็นเจ้าของพอสแคสต์ Women&Money ที่มีสินทรัพย์รวมกว่า 2,451 ล้านบาท

.

เธอมีความเชื่อว่า ถ้าอยากรวยต้องเริ่มต้นที่ความคิด โดยแนวคิดทางการเงินที่ถูกต้อง จะทำให้เรามั่งคั่งได้ในที่สุด โดยแนวคิดด้านการเงินของเธอ จะมีอะไรที่น่าสนใจอีกบ้าง

.

aomMONEY แนะนำว่าลองมาอ่านกันเลย!

.

(1) เคลียร์หนี้ให้หมดก่อนออมเงิน

.

คุณจะไม่มีทางรวย และต้องทำงานหาเงินไปจนแก่ ถ้ายังมีหนี้สิน จึงควรรีบสะสางหนี้ที่ค้างอยู่ให้หมด เพราะยิ่งปล่อยไว้นานดอกเบี้ยก็ยิ่งมากขึ้น ที่สำคัญเราไม่ควรก่อหนี้เพิ่มเพื่อมาชำระหนี้ก้อนเดิม เมื่อเคลียร์หนี้หมดแล้ว จากนั้นค่อยเริ่มออมเงินครับ

.

(2) แยกเงินออม ออกจากเงินลงทุน

.

เงินออม คือ เงินที่เราเก็บไว้เพื่อใช้กับเป้าหมายบางอย่าง หรือเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จึงจำเป็นต้องเก็บไว้ในที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ สภาพคล่องสูง สามารถถอนมาใช้ได้เลยทันที เช่น บัญชีออมทรัพย์ ส่วนเงินลงทุนคือเงินที่เราต้องการให้มันงอกเงยขึ้น จึงต้องยอมเสี่ยงตามอัตราผลตอบแทน high risk, high return ดังนั้นเงินลงทุนต้องเป็นเงินเย็น และควรมั่นใจว่าจะไม่ต้องใช้มันภายใน 7 ปีข้างหน้า

.

(3) ทำประกันชีวิตและเตรียมเงินสำรองฉุกเฉิน

.

หากคุณเป็นเสาหลักของครอบครัว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีประกันชีวิต เพื่อลดความเสี่ยงทางการเงิน คุณจะสบายใจขึ้นถ้าหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เพราะคนข้างหลังจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน นอกจากนั้นทุกครอบครัวควรมีเงินสำรองฉุกเฉิน ที่คิดว่าสามารถอยู่รอดได้อย่างน้อย 8 เดือนอีกด้วย

.

(4) อย่าลงทุนด้วยเหตุผลผิดๆ

.

เราไม่ควรลงทุนเพียงเพราะอยากตามเทรนด์หรือดูเท่ การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ เราจึงจำเป็นต้องทำความรู้จักและศึกษาการลงทุนประเภทนั้นๆ ให้ดีเสียก่อน เพื่อผลตอบแทนสูงสุด

.

(5) ซื้อหุ้นทิ้งไว้ ยิ่งนานยิ่งดี

.

ซูซีเล่าให้ฟังว่าเธอเคยซื้อหุ้นเมื่อปี 1997 ในราคาแสนต้นๆ และขายทิ้งไปไม่กี่ปีหลังจากนั้น หากปัจจุบันเธอไม่ได้ขายหุ้น มันจะมีมูลค่าถึงหลักล้านเลยทีเดียว ดังนั้นก่อนลงทุนต้องมั่นใจว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนั้น และสามารถปล่อยทิ้งไว้นานๆ ได้

.

(6) เลือกรายจ่ายให้เหมาะสมกับรายได้

.

ในช่วง 20-40 ปี คือวัยที่คุณสามารถเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณได้มากที่สุด แต่พ่อแม่หลายคนทุ่มเงินไปกับค่าเทอมของลูกในโรงเรียนแพงๆ แน่นอนว่าคุณอาจซื้อสังคมดีๆ ให้ลูกได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยแผนเกษียณของคุณ ที่อาจต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หรือเมื่อแก่ตัวไปอาจต้องพึ่งพาลูก เพราะเงินออมไม่พอ

.

(7) บาลานซ์ชีวิตให้ดี ไม่โฟกัสเรื่องเงินมากเกินไป

.

เราไม่ควรใช้เงินหรือลงทุนเกินพอดี การใช้ชีวิตก็เช่นกัน ลองใช้เวลาวันหยุดออกไปเที่ยว พักผ่อนกับครอบครัวเพื่อชาร์จพลังงาน ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนั่นก็จะทำให้คุณหาเงินเพิ่มขึ้นได้อีกภายหลัง นี่จึงแสดงให้เห็นว่า การรู้จักบาลานซ์ชีวิต ไม่ได้นั่งโฟกัสแต่เรื่องเงิน ก็อาจช่วยให้เราหาเงินได้มากขึ้นเช่นกัน

 

 


ฟาริดา