ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดขุมทรัพย์ 3 หุ้นในเครือ “เสี่ยเจริญ”

โดย dave
เผยแพร่ :
274 views

เปิดขุมทรัพย์ 3 หุ้นในเครือ “เสี่ยเจริญ”

กำลังจะกวาดรายได้ 1.6 แสนล้านบาทในปี 65

 

.

“เสี่ยเจริญ” หรือนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จัดเป็นบุคคลที่ดำเนินธุรกิจรายใหญ่ของไทย ประกอบธุรกิจหลายแขนง อาทิ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น โดยในตลาดทุนบ้านเราก็มีหุ้นของกลุ่ม “เสี่ยเจริญ” ไม่น้อยเช่นกัน ดังนั้นในครั้งนี้ Wealthy Thai จะพานักลงทุนมาสำรวจความน่าสนใจ 3 หุ้นใหญ่ในเครือ “เสี่ยเจริญ” ทั้ง AWC, BJC และ OISHI

.

AWC นักท่องเที่ยวฟื้น

มาเริ่มกันที่ AWC โดยนักวิเคราะห์บล.พาย มีความเห็นว่า คงคำแนะนำ "ถือ"และมูลค่าพื้นฐานที่ 6 บาท สะท้อนแนวโน้มการเติบโตของกำไรระยะยาวที่โดดเด่น แผนการขยายธุรกิจโรงแรมที่แข็งแกร่ง และโอกาสเข้าซื้อสินทรัพย์จากโครงการที่มีสิทธิ ROFR จากกลุ่ม TCC

.

ทั้งนี้ได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 65 เป็น 3.6 พันล้านบาท เติบโต 316% เทียบกับปี 64 ที่มีกำไรสุทธิ 861.48 ล้านบาท หลังนับรวมรายได้จากการปรับมูลค่าสินทรัพย์เข้ามา ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขปี 66 ขึ้น 13% เพราะคาดอัตราราคาห้องพักเฉลี่ย (ARR) ที่ฟื้นดีกว่าคาด หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้า มาในช่วง high season โดยคาดปี 65 มีรายได้รวม 9,011 ล้านบาท เติบโต 112% จากปีก่อน

.

ขณะที่คาดรายได้ธุรกิจโรงแรมแตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์ในปี 66 จากการรับรู้รายได้ 4 โรงแรมใหม่ (1,080 ห้อง) โดยคาดค่าเฉลี่ย RevPAR ทั้งปีจะแตะ 90% ของระดับที่เกิดขึ้นในปี 62 ซึ่งอยู่ภายใต้สมมติฐานที่รัดกุม ด้วยแรงหนุนจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดจะเข้ามาแตะ 27 ล้านคน

.

อย่างไรก็ตามคาดรายได้ค่าเช่าจากอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกปี 66-67 จะยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด สาเหตุจากผลงานที่ไม่ค่อยดีของโครงการ Asiatique (4% ของรายได้ปี 62) แม้จะมีการเพิ่มธีมปาร์ค Disney เพื่อเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวใหม่ก็ตาม ส่วนฝั่งธุรกิจอาคารสำนักงานของ AWC กำลังเผชิญแรงกดดันในแง่การปรับเพิ่มค่าเช่า เพราะจะมีอุปทานใหม่เพิ่มเข้ามาจากโครงการมิกซ์ยูสในย่านธุรกิจ

.

BJC กำลังซื้อฟื้น

มาต่อกันที่ BJC โดยนักวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) มีความเห็นว่า คาดการบริหารจัดการที่ดีของบริษัทจะช่วยการฟื้นตัวของความสามารถในการทำกำไร และแนวโน้มยอดขายยังทำได้ดีต่อเนื่องโดยเฉพาะในธุรกิจค้าปลีก ส่วนหนึ่งได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่กลับมา

.

ขณะที่มีประเด็นติดตามเรื่องการนำ BIG C Spin-off เข้าตลาดหลักทรัพย์ คาดเกิดขึ้นภายในสิ้นปี 66 ในมุมมองเชิงบวก คาดว่าประโยชน์ที่ BJC จะได้รับคือ เม็ดเงินที่ได้รับหลัง IPO จะมีสภาพคล่องที่ดีขึ้นคาดส่วนหนึ่งทาง BJC จะนำมาลดหนี้ ขณะที่ในเชิงบริหารจัดการ ธุรกิจค้าปลีกจะมีความชัดเจนมากขึ้น ราคาเหมาะสมปี 2566 ที่ 42 บาท แนะนำ “ซื้อ”

.

โดยคาดกำไรทั้งปี 65 มีกำไรปกติราว 5 พันล้านบาท เติบโต 51% จากปีก่อน ส่วนรายได้รวมคาดที่ 141,141 ล้านบาท โต 1.93% จากปีก่อน ซึ่งไตรมาส 4/65 จะมีกำไรปกติราว 1.6 พันล้านบาท โต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 87%จากไตรมาสก่อน คาดการฟื้นตัวจากยอดขายของธุรกิจค้าปลีก

.

และ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์เป็นหลักคาด รายได้รวมอยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท โต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และโต 6%จากไตรมาสก่อน ธุรกิจค้าปลีกเติบโต ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ยังเห็นการเติบโตที่ดีทั้งจากธุรกิจแก้วและกระป๋อง ซึ่งเติบโตตามความต้องการบริโภคเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้น ตามเทศกาลปีใหม่และท่องเที่ยว ซึ่งเป็นช่วง High Season

.

ส่วนปี 66 ได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายภาครัฐ คาดหนุนการเติบโตในทุกธุรกิจ ในไตรมาส 1/66 ได้ประโยชน์จากมาตรการรัฐ ช้อปดีมีคืน หนุนการบริโภคเพิ่มขึ้น ขณะที่การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีนเป็นแรงผลักดันโดยเฉพาะ

.

สาขาที่นักท่องเที่ยวนิยม เช่น สาขาราชดา ริ ภูเก็ต พัทยา ฯลฯ และคาดในปี 66 จะมีโอกาสเห็นนักท่องเที่ยวที่ระดับ 25 ล้านคน ส่งผลดีต่อกำลังซื้อของธุรกิจโดยรวมของ BJC

.

OISHI ปี 65 กำไรโต 119%

สุดท้าย OISHI ล่าสุดรายงานงบปี 65 (สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.65) มีกำไรสุทธิ 1,197.45 ล้านบาท โต 119% จากปีก่อน และมีรายได้รวม 12,802.46 ล้านบาท โต 29% จากปีก่อน ขณะที่ปี 66 นักวิเคราะห์บล.พาย มีความเห็นว่า คาดว่ารายได้ในปี 66 ของ OISHI จะยังขยายตัวได้ดีจากผลดีของการเปิดร้านอาหารเพิ่ม โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 13,927 ล้านบาท

.

แต่ปรับกำไรสุทธิในลงเล็กน้อย 4% มาอยู่ที่ 1,253 ล้านบาท โต 5% จากปีก่อน เพราะงวดไตรมาส 4/65 มีกำไรขั้นต้นเหลือเพียง 28.7% ซึ่งผู้บริหารแจ้งว่าส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ซึ่งต้องติดตามว่าในช่วงไตรมาส 1/66 หลังราคาวัตถุดิบเริ่มลดลงกำไรขั้นต้นจะฟื้นมากน้อยเพียงใด คงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาพื้นฐาน 66.8 บาท

 

 


dave