ห้องเม่าปีกเหล็ก

ADVANC กำไลดลงนิดเดียว แต่ปันผล 4.24 บาท

โดย Rubio
เผยแพร่ :
107 views

ADVANC ทำกำไรไตรมาส 4/64 ที่ 6,863 ล้านบาท ลดลง 4.2% หลังต้นทุนเพิ่มจากการขยายโครงข่าย 5G ส่วนทั้งปีมีกำไรสุทธิ 26,922.15 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.9% จากขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้น พร้อมปันผลอีก 4.24 บาท/หุ้น ขึ้น XD 18 ก.พ.65 ส่วนปี 65 เตรียมทุ่มงบลงทุนกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการ โดยรายได้โตเลขหลักเดียว

  บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC รายงานผลดำเนินงานในไตรมาส 4/64 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,863 ล้านบาท ลดลง 4.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมี EBITDA อยู่ที่ 22,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปัจจัยหนุนจากการเพิ่มขึ้น ของรายได้หลักจากการให้บริการ ประกอบกับการบริหารค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่มีประสิทธิภาพ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้น 4.0%เทียบกับปีก่อน จากการได้มาซึ่งใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ และ 26 กิกะเฮิรตซ์เพิ่มเติม

  ไตรมาสนี้มีรายได้หลักจากการให้บริการ อยู่ที่ 33,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.1% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของทั้งสามธุรกิจ ธุรกิจมือถือ (รายได้อยู่ที่ 29,591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.0% เทียบกับปีก่อน) มีการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ดีขึ้นเล็กน้อยหลังจากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาด ในขณะที่ยังคงมีการเสนอขายแพ็กเกจราคาต่ำในตลาดโทรศัพท์ต่อเนื่อง สำหรับธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง (รายได้อยู่ที่ 2,290 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% เทียบกับปีก่อน ) จากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นที่ต้องทำงานและเรียนจากที่บ้าน ในส่วนของรายได้ธุรกิจลูกค้าองค์กรที่นอกเหนือจากการให้บริการโทรศัพท์ เพิ่มขึ้น 26% เทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของรายได้บริการ Cloud, Data center และ ICT Solution

  ในส่วนของต้นทุนและค่าใช้จ่าย ต้นทุนการให้บริการอยู่ที่ 21,664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.0% เทียบกับปีก่อน จากการลงทุนขยายโครงข่าย 5G ของเอไอเอสเพื่อเสริมความเป็นผู้นำ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 5,821 ล้านบาท ลดลง 3.4% เทียบกับปีก่อน จากการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย

  ส่วนปี 64 มีกำไรสุทธิ 26,922.15 ล้านบาท ลดลง 1.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27,434.36 ล้านบาท มาจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย มี EBITDA อยู่ที่ 91,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% เทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของรายได้จากการให้บริการหลัก และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่าย อัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 50.4% เทียบกับ 51.7% ในปีก่อนหน้า

  สำหรับปี 65 คาดการณ์รายได้จากการให้บริการหลักจะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียวระดับกลาง (mid-single digit growth) จากการเติบโตของทุกธุรกิจ โดยเอไอเอสตั้งเป้าเสริมความแข็งแกร่งในบริการ 5G เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตบ้านมีเป้าหมายเพิ่มผู้ใช้บริการสู่ 2.2 ล้านราย โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นฐานลูกค้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ด้านธุรกิจลูกค้าองค์กรเน้นบริการเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่กระบวนการดิจิทัลด้วยโครงสร้างพื้นฐานและบริการต่างๆ และคาดว่ากำไร EBITDA จะเติบโตในอัตราเลขตัวเดียว
ระดับต่ำ (low-single digit growth) จากแนวโน้มของรายได้ที่เติบโต การบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมในการตลาด

  ด้านงบลงทุนคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 30,000-35,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าที่จะรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เพื่อเตรียมรับกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ที่มากขึ้น

  ที่ประชุมคณะกรรมการยังอนุมัติการจ่ายเงินปันผลประจำปี 64 ในอัตรา 7.69 บาท/หุ้น โดยบริษัทจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 3.45 บาท/หุ้น คงเหลือปันผลจ่ายงวดนี้อีก 4.24 บาท/หุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 18 ก.พ.65 และกำหนดจ่ายปันผลวันที่ 19 เม.ย.65

  นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ADVANC กล่าวว่า สถานการณ์ในปี 64 เป็นอีกหนึ่งปีที่เราต้องเผชิญกับข้อจำกัดและความท้าทายอย่างมาก โดยรายได้รวม อยู่ที่ 181,333 ล้านบาท เติบโต 4.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน ในส่วนกำไรสุทธิ 26,922 ล้านบาท ลดลง 1.9% เทียบกับปีก่อน

  ในส่วนของต้นทุนยังลงทุนขยายโครงข่าย 5G/4G อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมความเป็นผู้นำ และการเข้ารับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เพิ่มเติมในปีนี้ (ใบอนุญาต 700MHz และ 26GHz) ส่งผลให้ต้นทุนการให้บริการเพิ่มขึ้น 4.5% เทียบกับปีก่อน แต่จากการบริหารต้นทุนที่ดีในส่วนของค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ที่ลดลง 11% จากปีก่อน ส่งผลให้เอไอเอสมี EBITDA อยู่ที่ 91,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2% จากปีก่อน อีกทั้งยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการครึ่งปีหลังที่ 4.24 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 19 เม.ย.65 โดยผลการดำเนินงานแยกตามรายธุรกิจดังนี้

·   ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีรายได้ลดลงเล็กน้อยที่ 0.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 117,244 ล้านบาท เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อ่อนตัวลงในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดรอบใหม่ตลอดทั้งปี ประกอบกับการแข่งขันที่ยังคงรุนแรงต่อเนื่องโดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 2.68 ล้านเลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ 44.1 ล้านเลขหมาย สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G มีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 2.2 ล้านราย

  ธุรกิจอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ยังสามารถทำผลงานได้ดีมีอัตราการเติบโตของรายได้ที่ 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน มีจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น 435,100 ราย ทำให้ AIS Fibre มีลูกค้ารวม 1,772,000 ราย ทะลุเป้าหมาย 1.6 ล้านครัวเรือนที่ตั้งไว้ในปี 64

  ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง คิดเป็น 18% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขยายความร่วมมือกับ Microsoft ในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับบริการด้านคลาวด์ (Cloud) ในประเทศไทย เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการลูกค้าองค์กรมากขึ้น โดย AIS Business ได้เปิดตัวบริการใหม่ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงมากขึ้น พร้อมขยายความร่วมมือและให้บริการ 5G Solutions ยกระดับในภาคอุตสาหกรรมและโรงงานการผลิต

  ธุรกิจดิจิทัลเซอร์วิส ในปีที่ผ่านมาเอไอเอสยังคงเดินหน้ามุ่งเสริมความเป็นผู้นำด้านบริการดิจิทัล ผ่านการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสร้างประสบการณ์ดิจิทัลที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ของคนไทย ทั้งความร่วมมือกับ Disney+ Hotstar ผู้ให้บริการคอนเทนต์บนวีดีโอแพลตฟอร์ม ซึ่งเอไอเอสได้รับสิทธิ์ในการให้บริการแพ็กเกจพิเศษและทำการตลาดกับลูกค้าในประเทศไทย BBC เพิ่ม 2 ช่องพรีเมี่ยมทั้ง BBC World News และ BBC Lifestyle หรือแม้แต่คอนเทนต์กีฬาชั้นนำระดับโลกอย่างโอลิมปิก

   "เราได้เตรียมวางงบประมาณกว่า 30,000 – 35,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการด้านโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง รองรับโอกาสและการเติบโตในแง่ของผู้ใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการมองภาพใหญ่ของประเทศที่ต้องอาศัยโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลเทคโนโลยีที่แข็งแรง เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆ ใช้เป็นจุดแข็งของประเทศในการแข่งขันและดึงดูดนักลงทุน ซึ่งเป็นสิ่งที่ AIS มุ่งมั่นทำมาอย่างต่อเนื่องในฐานะผู้นำ” นายสมชัย กล่าวทิ้งท้าย

 


Rubio