เปิดโผ 11 บจ. SET 50 เทรดต่ำบุ๊ค พบหุ้นแบงก์-พลังงานอื้อ!!
ในช่วงที่ผ่านมามีประเด็นระดับโลกเกิดขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อไวรัส COVID-19 รวมอยู่ด้วย และล่าสุดเหมือนมีปัจจัยกังวลกลับมาอีกครั้ง เกี่ยวกับประเด็นสงครามการค้าที่ยืดเยื้อมานมนาน ซึ่งปัญหาเหล่านี้ จะกดดันเศรษฐกิจด้วยกันทั้งสิ้น ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกเกิดความผันผวนอย่างมาก และถือเป็นเหตุให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสปรับตัวลดลงด้วย ส่งผลต่อราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา
ดังนั้น Wealthy Thai จึงได้หยิบยก ตัวชี้วัดราคาหุ้น ที่นักลงทุนนิยมใช้ นั่นคือ P/BV มานำเสนอ และหวังว่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย โดย P/BV เป็นอัตราส่วนเปรียบเทียบราคาตลาดของหุ้นสามัญต่อมูลค่าทางบัญชีของหุ้นสามัญ 1 หุ้นตามงบการเงินล่าสุดของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์นั้น อัตราส่วนนี้บอกให้ทราบว่า ราคาหุ้น ณ ขณะนั้น สูงเป็นกี่เท่าของมูลค่าทางบัญชี หากมีค่าสูง ก็แสดงว่าผู้ลงทุนทั่วไปในตลาดคาดหมายว่า บริษัทดังกล่าวมีศักยภาพที่จะเติบโตสูง ขณะเดียวกันก็แสดงถึงระดับความเสี่ยงที่สูงด้วย
สำหรับค่า P/BV หรือที่เรียกว่า Price to Book Value Ratio จะบ่งบอกว่า เรากำลังซื้อหุ้นแพงหรือถูกกว่าเจ้าของลงทุน รวมทั้งสะท้อนธุรกิจได้ดี โดยสัดส่วนที่นำมาคำนวณนั้น ไม่มีความผันผวน ซึ่ง P/BV ค่ามาตรฐานที่เจ้าของลงทุนคือ 1 เท่า ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลพบว่า หุ้นกลุ่ม SET50 มีจำนวน 11 หลักทรัพย์ ที่ค่า P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า ซึ่งในจำนวนดังกล่าวจะเป็นหุ้นกลุ่มแบงก์ และพลังงานทั้งหมด โดยมีรายละเอียดในตารางดังนี้
PTTEP ราคาน้ำมันฟื้นเป็นบวก
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวเป็น Sentiment เชิงบวกต่อการลงทุนใน PTTEP เนื่องจากราคาหุ้นและราคาน้ำมันดิบมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกัน ตามการฟื้นตัวของราคาน้ำมันดิบ อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวในระยะสั้นของราคาหุ้น ยังมีปัจจัยกดดันจากความกังวลต่อแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2563 ที่จะเริ่มเห็นผลกระทบของการปรับลดงของราคาน้ำมันดิบ ด้านราคาหุ้นที่เริ่มมี Upside จำกัด ทำให้เรายังคงคำแนะนำเชิงปัจจัยพื้นฐาน "ถือ" ขณะที่กลยุทธ์การลงทุน แนะนำเพียงการเก็งกำไรตามแนวโน้มราคาน้ำมันเท่านั้น
TOP น่าสนใจสุดในกลุ่ม
สำนักวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด มองว่า TOP เป็นหุ้นที่มีความน่าสนใจสุดในกลุ่มจากการฟื้นตัวของกลุ่มอะโรมาติกส์ทำให้เราปรับผลประกอบการปี 2563 ขึ้น 28% เพื่อสะท้อนรายการพิเศษในไตรมาส 1/2563, การผลิตน้ำมันเครื่องบินที่ลดลงและค่าการกลั่นใหม่ ทำให้มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 54 บาทแต่ยังคงคำแนะนำให้ “ซื้อ”มูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 54 บาท
โดยคาดว่าการดำเนินงานของ TOP จะดีต่อเนื่องกว่าคู่แข่ง แม้ว่าการดำเนินงานหลักจะไม่น่าสนใจนักแต่ปัจจัยบวกน่าจะรองรับไปจนถึงไตรมาส 3/2563 ในขณะที่ความเสี่ยงในส่วนของดีเซลและน้ำมันเครื่องบินกดดันการดำเนินงาน แต่ในส่วนของน้ำมันดิบและเบนซินจะช่วยหนุนผลประกอบการในช่วง 2 ไตรมาสข้างหน้าและในช่วงไตรมาส 2 TOP จะมีการบันทึกกลับผลขาดทุนจากสต็อคทำให้ผลประกอบการเพิ่มขึ้น
IRPC ไตรมาส 1 เป็นจุดต่ำสุด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด เชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 1/2563 ของ IRPC จะเป็นจุดต่ำสุดของผลประกอบการปี 2563 - 2564 แต่ราคาหุ้นปรับเพิ่มกว่า 55% จากจุดต่ำสุดในช่วงกลางเดือน มี.ค. 63 ทำให้ปัจจุบัน Upside ของราคาหุ้นเริ่มจำกัด ทำให้ปรับคำแนะนำจาก "ซื้อ" เป็น "ซื้อเก็งกำไร" คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 3.20 บาท
PTTGC ไตรมาส 2 มีลุ้นกำไรสต๊อกน้ำมัน
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด ระบุว่า ผลประกอบการ PTTGC ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ระดับ 28-30 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในปัจจุบันจะทำให้ธุรกิจโรงกลั่นพลิกมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบแล้วในไตรมาส 2/2563 นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นยังเป็น Sentiment บวกกับธุรกิจปิโตรฯ เพราะ PTTGC จะได้เปรียบต้นทุนเมื่อเทียบกับคู่แข่งเพราะ PTTGC ใช้ก๊าซเป็นวัตถุดิบราคาจะปรับขึ้นช้ากว่านาฟทาซึ่งราคาจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันทันที แนะนำ`ซื้อ` ราคาเป้าหมาย 50 บาท
ขอบคุณที่มาเนื้อหาข้อมูลจาก