PSL ราคา 1 ปีย้อนหลัง

PSL ราคา 1 ปีย้อนหลังร่วง 38.53%

โบรกเกอร์แนะ “อย่าพึ่งทิ้ง” ยัง “ถือรอปันผลได้”

.

บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSL ในช่วงที่ผ่านมาเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีความคึกคักขึ้นหลังจากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวขึ้นจึงทำให้มีความต้องการใช้มากขึ้น จนสะท้อนไปยังราคาอย่างมีนัยสำคัญ

.

แต่หากมองย้อนราคาหุ้น 1 ปีย้อนหลังมาถึงปัจจุบัน ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 กลับไม่ได้สวยหรูมากนัก โดยมีการปรับตัวลดลงถึง 38.53% หรือราคามาอยู่ที่ 14.20 บาท

.

จึงทำให้นักลงทุนเกิดข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ PSL ที่แนวโน้มธุรกิจค่อนข้างสดใส แต่ราคาหุ้นกลับไม่ไปไหนหรือสวนทางกับธุรกิจในวันนี้ทาง Wealthy Thai จึงพาผู้อ่านและนักลงทุนไปหาคำตอบกัน

.

โดยนักวิเคราะห์จากบล. บัวหลวง ได้ปรับคำแนะนำจาก “ซื้อเก็งกำไร” เป็น “ถือ” เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนภาพแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคไปแล้ว แต่หากอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกผ่านจุดพีคและประเทศยูเครนเริ่มกลับมาส่งออกได้ดีขึ้น ก็คาดจะเห็นอุปสงค์ต่อการขนส่งด้วยเรือเทกองมากขึ้นซึ่งจะหนุนให้ราคาปรับตัวขึ้นได้

.

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในไตรมาส3/65 คาดว่ากำไรหลักจะปรับตัวลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนและช่วงก่อนหน้าจากค่าระวางเรือเทกองที่ปรับตัวลงซึ่งจะกลบผลกระทบจากรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นจากเรือใหม่ แต่อย่างไรก็ตามยังคงมีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไร หากอุปสงค์การขนส่งเรือเทกองสูงขึ้นอย่างมีนัยถ้าประเทศยูเครนกลับมาส่งออกธัญพืชจำนวนมากได้อีกครั้ง

.

ด้านผลการดำเนินงานอย่างกำไรหลักในปี 2565 ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 17% มาอยู่ที่ 4,971 ล้านบาท เป็นการปรับประมาณตามผลการดำเนินในช่วงครึ่งปีแรกที่ทำได้ดีกว่า ซึ่งในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 1,660 ล้านบาทเติบโต 101%จากช่วงเดียวกันปีก่อนและ 28% จากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 42%

.

ฟากนักวิเคราะห์จากบล.ฟินันเซีย ไซรัส ให้คำแนะนำ “ถือเพื่อรับเงินปันผล” และคงราคาเป้าหมาย 20 บาท เนื่องจากแนวโน้มกำไรในปี 2565 มีโอกาสที่ทำได้ใกล้เคียงปี 2564 ซึ่งถือเป็นกำไรที่ดีมากเป็นประวัติการณ์ แต่กำไรที่สูงในช่วง 2 ปีนี้เป็นเหตุการณ์ผิดปกติที่เกิดขึ้นกับอุปทานซึ่งในที่สุดจะกลับเข้าสู่สมดุล และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องในปี 2566

.

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนและช่วงก่อนหน้า เนื่องจากปัจจุบันดัชนี BDI และ BSI ปรับลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นไตรมาส 3/65 ถึงปัจจุบันลดลง 20% จากค่าเฉลี่ยในไตรมาส 2/65และมีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่องจากปัญหา Supply disruption ที่ทยอยคลี่คลาย