ห้องเม่าปีกเหล็ก

เปิดกลยุทธ์ลงทุนหุ้น ในวันที่รู้ตัวเลข TRADE TARIFF ไทย 19%

โดย OFFER
เผยแพร่ :
52 views

เปิดกลยุทธ์ลงทุนหุ้น ในวันที่รู้ตัวเลข TRADE TARIFF ไทย 19%

  • ฝ่ายวิจัยฯ บล.เอเซีย พลัส แนะเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราภาษี 19% ช่วยลดความกังวลต่อเศรษฐกิจ และตลาดหุ้นไทย (SET) ยังคง LAGGARD เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่ถูกเก็บภาษีในอัตราเดียวกัน
  • การปรับขึ้นของ SET INDEX ในรอบล่าสุดเป็นการขึ้นแบบกระจายตัว ซึ่งแข็งแรงกว่าในอดีตและมีโอกาสเกิดการปรับฐานได้ยากกว่า
  • กลยุทธ์การลงทุนแบ่งเป็น 2 ธีมหลัก คือ 1. หุ้นกลุ่ม TARIFF PLAY ใน SET 100 ที่ราคาปรับตัวลงมามากตั้งแต่ต้นปี เช่น กลุ่มนิคม (AMATA, WHA) และกลุ่มส่งออก (ITC, STGT, STA, TU, CPF, BTG, TFG)
  • ธีมการลงทุนที่ 2 คือ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าและการลดดอกเบี้ย เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BH, BDMS), ท่องเที่ยว (ERW, CENTEL) และการเงิน (MTC, SAWAD)

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า เช้าที่ผ่านมาประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปรับอัตราภาษีตอบโต้กับบางประเทศ โดยไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่อัตรา 19% ต่ำกว่าเดิมที่ 36% เทียบเท่ากับค่าเฉลี่ยโดยรวมรอบใหม่ และประเทศเพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ สำหรับคำสั่งนี้ จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าที่นำเข้ามา/ถูกนำออกจากโกดัง เพื่อการบริโภค ตั้งแต่เวลา 00:01 น. ตามเวลาตะวันออกของสหรัฐฯ หลังจากคำสั่งนี้มีผล 7 วัน

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยฯ มองเป็น POSITIVE SURPRISE เล็กน้อย ที่อัตราภาษีตอบโต้ของบ้านเราอยู่ในระดับต่ำกว่าเวียดนาม 20% ลาวและพม่า 40% คาดลดความกังวลต่อผลกระทบภาคส่งออกทรุดหนัก (กรณีไม่ถูกลดภาษี) รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)

 

 

หามองในมุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ในระดับอัตราภาษีตอบโต้ที่ 19% ถือเป็นระดับใกล้เคียงกับทาง ธปท.ประเมินไว้โดยภายใต้สมมติฐานไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (RECIPROCAL TARIFF) 18% (ครึ่งหนึ่งของที่เคยประกาศไว้ ณ วันที่ 2 เมษายน 2568) และจีนถูกเรียกเก็บ 30% ขณะที่ประเทศอื่นถูกเรียกเก็บ 10% คาดการณ์ว่า GDP GROWTH ไทยปี2025จะเติบโต +2.3%

ซึ่งระดับอัตราภาษีตอบโต้ดังกล่าว ที่ไทยดูไม่ได้เสียเปรียบมากนัก คาดลดแรงกดดันต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ขยายตัวต่ำกว่า 2% ซึ่งจะทำให้โอกาสเกิด TECHNICAL RECESSION (GDP GRWOTH ลดลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน) ในปีนี้ลดลงตามไปด้วย

 

กลยุทธ์การลงทุนในวันที่รู้ตัวเลข TRADE TARIFF เป็นอย่างไร

หลังจากที่รู้ตัวเลข TRADE TARIFF ของไทยอยู่ระดับ 19% ใกล้เคียงประเทศเพื่อนบ้าน จึงเป็นการโล่งใจระดับหนึ่งว่าประเทศเราไม่ได้เสียเปรียบประเทศอื่น โดยฝ่ายวิจัยฯคาดว่า SET INDEX ระดับปัจจุบันน่าทยอยสะสมหุ้นเพิ่มเติมจาก 2 เหตุผลหลักๆ ดังนี้

1.เปรียบเทียบผลตอบแทนตลาดหุ้น (YTD)จะพบว่าตลาดหุ้นไทย -11.3%(YTD)LAGGARD กว่าประเทศที่ถูกภาษี 19% อาทิ มาเลเซีย -7.9% (YTD) ฟิลิปปินส์ -4.2% (YTD) อินโดนีเซีย +5.7% (YTD) และถูกเวียดนาม +18.6% (YTD) ทิ้งห่างอยู่มาก (20%)

 

 

2. SET ขึ้นแบบกระจายตัวไม่ได้กระจุกตัวเหมือนครั้งก่อน โดยจะเห็นได้ว่า SET INDEX ในครั้งนี้ทยอยปรับตัวขึ้น (23 JUN - 31JUL) ซึ่งมีจำนวนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการบ่งบอกของการปรับตัวขึ้นของ SET ที่แข็งแรง ไม่เหมือนในอดีต (20 MAR-8 MAY) ที่แม้ SET จะปรับตัวขึ้น แต่จำนวนหุ้นที่ปรับขึ้นนั้นกระจุกตัว ซึ่งมักตามมาด้วยการปรับฐานของดัชนีได้ง่ายกว่า

 

ด้วย 2 เหตุผลข้างต้น ประกอบกับ ดัชนีที่ระดับปัจจุบันมี VALUATION เด่นพร้อมกับการเติบโตของ EPS GROWTH ในปีนี้ถือเป็นจังหวะสะสมที่ดีในการสะสมหุ้นไทย โดยขอแบ่งกลยุทธ์การลงทุนเป็น 2THEME หลักๆ ดังนี้

1.หุ้น SET 100 กลุ่ม TARIFF PLAY ที่ราคาปรับฐานลงมาลึกตั้งแต่ต้นปี(YTD) อาทิ นิคม(AMATA, WHA) ส่งออก(ITC, STGT, STA, TU, CPF, BTG, TFG)

2.หุ้นกลุ่มได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่าบวกลดดอกเบี้ย อาทิ BH, BDMS, ERW, CENTEL, MTC, SAWAD

 

 

 

ที่มา.  https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1192395

 


OFFER