หุ้นดิ่งฟลอร์คาดถูก ‘ฟอร์ซเซล’ โบรกชี้ใช้บัญชีมาร์จินสูง โดยเฉพาะรายใหญ่ ‘บังคับขาย’ ล้างพอร์ต
“ตลาดหุ้นไทย” ยังคงเผชิญความผันผวน แม้วานนี้ดัชนีร่วง 4.85 จุด แต่พบปรากฏการณ์ “หุ้นรายตัว” ดิ่งติดฟลอร์อย่างหนักถึง 7 หลักทรัพย์ “บล.ลิเบอเรเตอร์” คาดมาจากถูกฟอร์ซเซล หลังหุ้นหลายตัวมีการใช้บัญชีมาร์จินระดับสูง “บล.ยูโอบี เคย์เฮียน” มองโดยเฉพาะ “นักลงทุนรายใหญ่” อาจจะเผชิญการถูกบังคับขายยกพอร์ต
ความเคลื่อนไหว “ตลาดหุ้นไทย” วานนี้ (23 มิ.ย.2568) ร่วง 4.85 จุด อยู่ที่ 1,062.78 จุด โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวลงต่ำสุด 13.84 จุด มูลค่าซื้อขาย 32,506.99 ล้านบาท ถือว่าหุ้นไทยไม่ได้ปรับตัวลงรุนแรงมากจากประเด็นสงครามตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้น แต่ในทางกลับกับพบว่ามี “หุ้นรายตัว” มีระดับราคาปรับตัวลงมา “ฟลอร์” (Floor)

สะท้อนผ่าน 7 หุ้นที่ราคาร่วงฟลอร์ (ณ วันที่ 23 มิ.ย.) คือ หุ้น XPG ร่วง 15.49% หุ้น DOHOME 15.44% หุ้น BEC 15.30% หุ้น TPS 15.24% หุ้น NEX 15.22% หุ้น KTC 15.11% และหุ้น EA 15.11% โดยพบว่ามี 4 หุ้น ที่ปรากฎชื่อของ “มงคล ประกิตชัยวัฒนา” ผู้ถือหุ้นใหญ่คือ หุ้น BEC ลำดับ 7 สัดส่วน 4.58% หุ้น KTC ลำดับ 2 สัดส่วน 12.70% หุ้น XPG ลำดับ 3 สัดส่วน 6.09% และ TPS ลำดับ 2 สัดส่วน 16.60%
หลังจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ออกมาตรการ “ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floorเหลือ 15% และ Dynamic Price Band” เพื่อเบรกความผันผวนในระยะสั้น ดังนั้น เมื่อเซนติเมนต์ตลาดเป็นเช่นนี้ ส่งผลให้หุ้นบางตัวราคาถดถอยเรื่อย ๆ ทำให้มูลค่าหุ้นที่นักลงทุนถืออยู่ปรับตัวลดลง โดยเฉพาะ “นักลงทุนรายใหญ่” ที่มีหลักประกันบัญชีมาร์จิน สุดท้ายอาจหาเงินมาเติมพอร์ตไม่ทันจนทำให้ถูก “บังคับขายหุ้น” (Forced Sell) ในที่สุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า วานนี้หุ้นไทยหลายตัวปรับลงมาฟลอร์โดยสาเหตุหลักๆ น่าจะมาจาการถูกฟอร์ซเซลซึ่งอาจจะมีบางจังหวะของการใช้มาร์จินด้วย โดยหลาย ๆ หุ้นที่เห็นหากดูในบัญชีมาร์จินมีหุ้นหลายตัวที่มีการใช้มาร์จินอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ดังนั้น เมื่อราคาหุ้นถอยลงมาอย่างต่อเนื่องในภาวะตลาดที่ไม่ดี หุ้นที่ใช้มาร์จินสูงก็มีความเสี่ยงที่จะถูกฟอร์ซเซลมากขึ้น หากราคาหุ้นยังคงปรับลดลงไม่หยุด
อย่างไรก็ตาม หากเข้าไปดูโครงสร้างผู้ถือหุ้นในหลาย ๆ ตัว โครงสร้างบางตัวจะมีความคล้าย ๆ กัน ดังนั้น ภาพของการถูกฟอร์ซเซลในบางรายบุคคล หรือในบางรายบัญชีน่าจะเกิดขึ้น
“เวลาที่มีการฟอร์ซเซล ไม่ได้ฟอร์ซเซลเป็นหุ้น แต่ฟอร์ซเซลเป็นบัญชี เวลาคน ๆ หนึ่งโดนฟอร์ซเซล พอร์ตทั้งหมดจะลดต่ำกว่าระดับทุกที่ที่ต้องเติม ในภาวะเช่นนี้ หากมีการหาเงินมาเติมไม่ทัน โบรกก็จับฟอร์ซเซล ก็จะทำให้หุ้นในหลาย ๆ ตัวในพอร์ตปรับลบลงมาเกือบ 15%”
อย่างไรก็ตาม หากไปดูปัจจัยพื้นฐานของหุ้นก็ไม่ได้มีปัญหา โดยเฉพาะหุ้นบางตัวได้มีการสอบถามไปยังบริษัทก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใดในช่วงระยะสั้น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การที่หุ้นมีการดิ่งฟลอร์ลงมาหลายตัวช่วงวานนี้ (23 มิ.ย.2568) อาจจะเกิดจากการถูกฟอร์ซเซลก็เป็นได้ เนื่องจากหุ้นที่มีการปรับตัวลงมามากกว่า 10% และใกล้ถึงฟลอร์ที่ 15% มีจำนวนหุ้น ประมาณ 3-4 ตัวที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คนเดียวกันถือหุ้นอยู่ ซึ่งอาจจะเกิดการบังคับขายพร้อมกันทั้งพอร์ตลงทุน ซึ่งหากหุ้นตัวนั้นมีการวางมาร์จินอยู่หากมีการวางมาร์จิน และถึงจุดที่ทริกเกอร์ให้ต้องมีการบังคับขายพร้อม ๆ กันก็มีส่วนเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถยืนยันสาเหตุนี้ที่แท้จริงได้
โดยหุ้นที่ปรับตัวลงมาถึงฟลอร์ ได้แก่ หุ้น KTC BEC XPG EA NEX DOHOME ซึ่งจะมีนักลงทุนรายหนึ่งที่ถืออยู่คือ XPG KTC BEC และ TPS ซึ่งอาจจะถูกตลาดมองถึงความเสี่ยงว่า อาจจะเกิดการบังคับขายในพอร์ตนักลงทุนรายนี้หรือไม่ เพราะได้เห็นหุ้นเหล่านี้ปรับตัวลดลงในระดับที่ค่อนข้างจะมากเมื่อเทียบกับภาวะตลาด
ขณะที่ DOHME ที่ปรับตัวลงมาจากปัจจัยเฉพาะตัว ที่มีการตรวจสอบพบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากสต็อกเหล็กทั้งเหล็ก และปลั๊กพ่วงที่ไม่มี มอก. แม้จะเป็นการพบในสาขาเดียว แต่ในช่วงที่ตลาดไม่ดี แต่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ดีนักในปีนี้ส่วนหุ้น EA NEX รวมถึงหุ้นตัวเล็ก ๆ ที่มีการปรับตัวลงมาแรง ๆ ยังคงไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการปรับตัวลดลงมา
ที่มา.. https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1186239