นับตั้งแต่เกิดการปฏิสนธิขึ้นในท้องของมารดา เกิด พัฒนาการทารกในครรภ์ อย่างต่อเนื่องทั้งทางร่างกายและสมองอย่างต่อเนื่องเพื่อให้พร้อมสำหรับกำหนดคลอด กลายเป็นเด็กที่มีพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมจะเผชิญโลกกว้างภายนอกครรภ์มารดาได้อย่างเต็มที่ โดยคุณแม่และคุณพ่อสามารถมีส่วนร่วมใน การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ให้เต็มที่ได้ด้วยการปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่า อาการคนท้อง จะส่งผลให้คุณแม่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้คล่องแคล่วเหมือนเดิม และยังอาจมีอาการปวดเมื่อยได้ง่าย ซึ่งอาการดังกล่าวอาจเริ่มมากตั้งแต่ อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยตามขนาดของครรภ์ได้ และแม้ว่าจะมีความยากลำบากดังต่อไปนี้ คุณแม่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี หัวใจทำงานได้เต็มที่ กล้ามเนื้อมีความกระชับ และสร้างความสดชื่นกระฉับกระเฉงให้กับแม่และลูกน้อยในครรภ์ แต่ไม่ควรทำเกินกำลังหรือหักโหมเกินไป จึงควรเลือกท่าบริหารง่าย ๆ อย่างการเดิน หรือทำโยคะท่าง่าย ๆ นาน 20 – 30 นาทีทุกวัน
- การดื่มน้ำให้มากเพียงพอ ภายในร่างกายของคนนั้นมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 80% ดังนั้น น้ำจึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญและจำเป็นต่อ พัฒนาการทารกในครรภ์ เป็นอย่างมาก คุณแม่จึงควรรับประทานน้ำดื่มที่สะอาดในปริมาณที่มากเพียงพอในทุก ๆ วัน ยิ่งในภาวะตั้งครรภ์ร่างกายของคุณแม่และเด็กก็จะยิ่งต้องการน้ำในปริมาณที่มากขึ้น โดยทั่วไปปริมาณน้ำที่เพียงพอต่อคุณแม่ตั้งครรภ์คือ 5 – 2 ลิตร
- การทำสมาธิสร้างความผ่อนคลาย อาการคนท้อง โดยมากมักส่งผลต่ออารมณ์ด้วย บางคนอาจมีอารมณ์แปรปรวนตั้งแต่ อายุครรภ์ 5 สัปดาห์ เลยทีเดียว อารมณ์เคร่งเครียดของคุณแม่นั้นสามารถถ่ายทอดไปถึงทารกในครรภ์ได้ คุณแม่จึงควรใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมงต่อวันอาจเป็นช่วงเช้าหรือเย็นตามสะดวกในการนั่งสมาธิ ด้วยการฝึกลมหายใจเข้าออก หากทำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณแม่สงบ มีภาวะทางอารมณ์ที่มั่นคง เลือดลมเดินปกติ พร้อมอัตราการเต้นของหัวใจที่สม่ำเสมอ
การดูแลให้ การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ เป็นไปอย่างปกตินั้น คุณแม่ต้องคำนึงถึงอยู่เสมอว่าสิ่งที่คุณแม่ได้รับไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำดื่ม ยา หรือสารเคมีชนิดใด ๆ ก็ตามสามารถส่งผ่านไปถึงลูกได้ทั้งนั้น หรือในกรณีที่อารมณ์ของคุณแม่ตึงเครียด รู้สึกโมโหหรือหงุดหงิดง่าย อารมณ์เหล่านี้ก็จะส่งผลต่ออารมณ์ของทารกในครรภ์ไปด้วย ดังนั้นคุณแม่จึงควรเอาใจใส่ดูแลสุขภาพและภาวะอารมณ์ของตนเองให้ดีในระหว่างการตั้งครรภ์ หากสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอก็จะยิ่งส่งผลดีต่อพัฒนาการของลูกน้อยมากขึ้นเท่านั้น